วันพุธ ที่ 17 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ.2559 เวลา 8.30-12.30 น.
การบ้าน
สรุป 8 หัวข้อเป็นมายแมป
บรรยากาศในห้องเรียน
วันนี้เป็นวันที่ครูมาช้ากว่าปกติ เนื่องจากว่าต้องไปเปิดงานวิชาการจึงมาช้า แต่นักศึกษาทุกคน เข้าเรียนพร้อมหน้าพร้อมตาตรงต่อเวลา นั่งรอคุณครูในห้องอย่างเรียบร้อย บรรยากาศภายในห้องเรียนวันนี้ค่อนข้างรื่นเริง ทั้งครูผู้สอนและนักศึกษาได้แสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนรความคิดในขณะที่ทำกิจกรรม
กิจกรรมในวันนี้
นำไม้เสียบลูดชิ้นที่แจกไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วมา แล้วรบดินน้ำมันคนละก้อนยไปเสร็จแล้วนำไไปต่อถามคำสั่งต่อไปนี้
1.ให้นักศึกษานำไม้เสียบลูกชิ้นมาทำเป็นสามเหลี่ยมจะขนาดไหนก็ได้ให้เป็นรูปสามเหลี่ยม ใช้ดินน้ำมันที่ได้มาเป็นตัวเชื่อม
นี้คือรูปสามเหลี่ยมที่ดิฉันทำค้ะใช้ไม้ความยาวขนาดกลางและเท่าๆกันต่อกันค่ะ
จากรูปสามเหลี่ยมให้ต่อเป็นรูปทรงสามเหลี่ยมสามารถยกขึ้นแล้วไม่หลุด ตามจิตนาการของตนดเองค่ะ
พอทำรูปทรงสามเหลี่ยมเสร็จ ครูมให้ตัวแทนนำรูปทรงสามเหลี่ยมที่สร้างไปปวางบนแท่นฉายให้เพืท่อนดูรูปทรงสามเหลี่ยมตามจิตนาการที่แตกต่างกันแต่ยังคงเป็นรูปทรงสามเหลี่ยมอยู่ค่ะ
2.ให้นักศึกษาสร้างรูปสี่เหลี่ยมและรูปทรงสี่เหลี่ยมขึ้นมาจากเศษไม้ที่มีอยู่ถ้ามหากยังทำไม่ได้ก็สามารถจับคู่แล้วนำไม้มาช่วยกันต่อได้ดังนี้
นี่คือรูปสี่เหลี่ยมที่ใช่เศษดินน้ำมันยึดต่อกันได้แบบนี้ค่ะ
และนี่ก็คือรูปทรงสี่เหลี่ยมที่มีความสูงจากไม้ที่มีขนาดยาวล้อมรอบ 4 อันและมีความกว้างตามขนาดของไม้กลาง 8 ไม้ รวมทั้งหมด 12 ไม้ที่ใช่ในการสร้างรูปทรงสี่เหลี่ยมขึ้นมาได้ค่ะ
นำเสนอ บทความ งานวิจัย และวิดีโอ หน้าชั้นเรียน เลขที่ 13, 14, และ 15
บทความ
นางสาวพรประเสริฐ กลับผดุง เลขที่ 13
สรุป บทความคณิตศาสตร์ปฐมวัยเรียนอย่างไรให้สนุก + เข้าใจ
บทความนี้ได้กล่าวถึงแนวการสอน ของคุณครูท่านหนึ่ง ที่สอนอยู่ที่โรงเรียนพระยาประเสริฐสุนทราศรัย คุณครูท่านนี้เป็นผู้มีประสบการณ์การสอนคณิตศาสตร์ยาวนานกว่า 35 ปี และยังได้รับรางวัล มากมายกว่า 20 รางวัล ครูท่านนี้คือ คุณครูเสน่ห์ สังข์ภิรมย์
แนวการสอนของคุณครูท่านนี้จะใช้วิธีการแบบเพื่อนช่วยเพื่อน โดยจับกลุ่มเด็กเก่งกับเด็กอ่อนให้คละกัน ให้เด็กๆ ได้ช่วยเหลือกัน เพื่อจะได้ส่งเสริมทักษะการเข้าสังคมให้กับเด็กด้วย ในการสอนครูจะไม่ทำโทษเด็ก ไม่กากบาทในสิ่งที่เด็กทำผิดแต่จะอธิบายให้เด็กได้แก้ไขตรงนั้นเลย ครูจึงเป็นส่วนหนึ่งที่มใีบทบาทสำคัญ ในการทำให้การเรียนคณิตศาสตร์นั้นเ้ป็นเรื่องสนุกสำหรับเด็ก โดยครูจะต้อง
1.ครูต้องพัฒนาตนเองอยู่เสมอ
2.ครูต้องศึกษาหาความรู้ใหม่ๆ กิจกรรมต่างๆที่ทำให้เด็กสนุกสนา่นกับการเรียน
3.ใช้สื่อที่น่าสนใจ
การเรียนด้วยความสนุกนั้นจะทำให้เด็กมีเจตคติที่ดีและมีกำลังใจในการเรียนรู้ การที่จะทำให้เด็กปฐมวัยนั้นสนุกและเข้าใจในคณิตศาสตร์ได้นั้น คุณครูหรือผู้ใหญ่ทั้งหลายจะต้องสร้างองค์ประกอบการเรียนรู้รอบด้านให้เป็นเรื่องสนุก จะทำใมห้การเรียนที่น่าเบื่อกลายเป็นเรื่องสนุกได้นั้นเอง
บทความจาก : นิตยสาร Kids&School
นำเสนอ วิจัยจาก นางสาวณัฐณิชา ศรีบุตรตา
วิจัย
นางสาวณัฐณิชา ศรีบุตรตา เลขที่ 14
สรุปงานวิจัย
เรื่อง การส่งเสริมทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยโดยการจัดประสบการณ์ กิจกรรมดนตรี ตามแนวออร์ฟ-ชูคเวิร์ค
ผู้จัดทำ วรินธร สิริเดชะ (2550) เสนอต่อบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
ผู้ควบคุม ผู้ช่วยศาสตร์ตราจารย์ จิราภรณ์ บุญส่ง, อาจารย์ ดร.สุจินดา ขจรรุ่งศิลป์
กลุ่มตัวอย่าง ที่ใช้ในการทดลองเป็นเด็กปฐมวัยชาย-หญิง อายุ 4-5 ปี จำนวน 30 คน ที่กำลังศึกษาอยู่ในชั้นอนุบาล 2 ปีการศึกษา 2549 ภาคเรียนที่ 2 โรงเรียนศรีดรุณ จังหวัดสมุทรปราการ โดยใช้เวลาทดลอง เป็นเวลา 8 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 3 วัน วันละ 40 นาที
เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง คือ แผนการจัดประสบการณ์ดนตรีตามแนวออร์ฟชูคเวิร์ค และแบบทดสอบวัดทักษะ พื้นฐานทางด้านคณิตศาสตร์
คู่มือการจัดประสบการณ์ตามแนวออร์ฟชูคเวิร์ค
การจัดประสบการณ์ดนตรีตามแนวออร์ฟชูคเวิร์ค ผู้วิจัยเป็นผู้ดำเนินกิจกรรม โดยจัดกิจกรรมดนตรีตามแนวชูคเวิร์ค ให้กับเด็กสัปดาห์ละ 3 วัน คือในวันจันทร์ พฤหัสบดี ศุกร์ ระหว่าง เวลา 9.10 - 9.50 น. เป็นเวลาทั้งสิ้น 8 สัปดาห์ รวม 24 กิจกรรม โดยมีจุดมุ่งหมายเะพื่อส่งเสริมทักษะ พื้นฐานทางคณิตศาสตร์ ดังนี้
1.การจัดหมวดหมู่
2.การรู้ค่าจำนวน 1-10
3.การเปรียบเทียบในเรื่องต่อไปนี้
-จำนวน ได้แก่ มาก-น้อย เท่ากัน-ไม่เท่ากัน
-ปริมาณ ได้แก่ มาก-น้อย หนัก-เบา
-ขนาด ได้แก่ เล็ก กลาง ใหญ่ สูง-ต่ำ สั้น-ยาว
-รูปทรงเรขาคณิต ได้แก่ วงกลม สี่เหลี่ยม สามเหลี่ยม
4.อนุกรม ลักษณะของกิจกรรมเป็นกิจกรรมดนตรีที่เด็กได้ลงปฏิบัติ โดยผสมกิจกรรมต่างๆ เข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน ได้แก่
- คำพูด (Speech)
-การร้องเพลง (Singing)
-ลีลาและการเคลื่อนไหว (Movement)
-การใช้ร่างกายทำจังหวะ (The Use of Body in Percussion)
-การคิดแต่งทำนองหรือท่าทางแบบทันทีทัน (improvisation)
ซึ่งการจัดประสบการณ์ดนตรีตามแนวออร์ฟชูคเวิร์ค สามารถบูรณาการสาระการเรียนรู้ในด้านต่างๆ ผสมผสานเข้าไปในกิจกรรมทั้ง 5 กิจกรรม ดังกล่าว การวิจัยครั้งนี้ต้องการศึกษาความสัมพันธ์ของการจัด ประสบการณ์ดนตรีตามแนวออร์ฟชูคเวิร์ค สัมพันธ์กับทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ ในการวางแผนการจัดกิจกรรม แต่ละครั้งจึงต้องมีการบูรณาการ เนื้อหาสาระทางด้านคณิตศาสตร์กับดนตรี
เพื่อส่งเสริมทักษะทางคณิตศาสตร์อย่างสัมพันธ์กัน เพื่อให้การจัดกิจกรรมดังกล่าวบรรลุตามวัตถุประวงค์ ผู้ดำเนินการควรมีพื้นฐานความเข้าใจ ในเรื่องพัฒนาการเด็ก จิตวิทยาวิทยาการ ดนตรี ควรเป็นผู้ที่มีความละเอียดรอบข้าง ชั่งสังเกต ใจกว้าง ที่จะให้โอกาสเด็กได้แสดงความคิดเห็น แสดงความสามารถ ตลอดจนมีความเชื่อมั่นในศักยภาพ ของเด็กเชื่อว่าดนตรีพัฒนาเด็กๆได้ และที่สำคัญ คือ การคำนึงความแตกต่างระหว่างบุคคล นอกจากนั้นทุกครั้งก่อนที่จะจัดประสบการณ์กิจกรรมดนตรีตามแนวออร์ฟชูคเวิร์ค ในแต่ละครั้ง ผู้ดำเนินการควรมีกาสรตระเตรียมความพร้อมทั้งในด้านของสถานที่ บรรยากาศ ตลอดจนสื่อ อุปกรณ์ที่หลากหลายเคลื่องดนตรีต่างๆที่สอดคล้องกับเนื้อหาของกิจกรรม ทั้งนี้เพื่อให้การดำเนินกิจกรรมเป็นไปอย่างราบรื่น และบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
ออร์ฟเน้นให้เด็กได้สัมผัสและมีปฏิสัมพันธ์กับสื่อมากที่สุด โโยเริ่มจากสื่อที่ใกล้ตัวขยายสู่ สื่อที่ไกลออกไป ดังนั่้น สื่อของออร์ฟจึงเริ่มจากร่างกายของเด็กเอง ไปจนถึงสื่อสำเร็จรูปต่างๆ เช่น เครื่องดนตรี เพลง
เพลงที่ออร์ฟใช้ในการจัดประสบการณ์ดนตรีแนวออร์ฟชูคเวิร์คนี้มีมาหลากหลาย ทั้งจากเพลงที่ออร์ฟแต่งเอง เพลงที่เด็กแต่งขึ้น และเพลงจากนักแต่งเพลงท่านอื่น ที่สอดคล้องกับหลักการของ ออร์ฟเนื่องจากเพลงที่ออร์ฟแต่งเองมีไม่มากนักและวัตถุประสงค์หลักของการเขียนเพลงของออร์ฟคือ แต่งเพียงเพื่อเป็นแบบ(models) เพื่อการ improvisation ส่วนประกอบที่ออร์ฟใช้แต่งเพลงสำหรับเด็ก คือ
1.pentatonic mode(โน้ต 5 ตัว ซึ่งมีความสัมพันธ์ของเสียง โด เร มี ซอ ลา)
2.ostinato patterns และ borduns (แบบแผนของตัวโน้ตซ้ำๆที่เดิมอยู่ตลอดทั้งเพลง
ซึ่งออร์ฟตั้งใจให้เด็กคิดขึ้นมาเอง เช่น เพลง Day Is New Over ซึ่งเป็นเพลงที่มีแบบแผนของเพลงชัดเจน บรรเลงง่าย มีทำนองและเนื้อร้อง แบ่งออกเป็นท่อนๆ อย่างแน่นอน มีท่อนล้อและท่อนรับ ซึ่งง่ายต่อการเลียนแบบเพื่อนำไปคิดแต่งทำนอง ต่อด้วยตนเอง
ดังนั้นในการจัดประสบการณ์ดนตรีตามแนวออร์ฟชูคเวิร์คนั้น สื่อจึงมีความหลากหลายและมีความหมายเฉพาะตัว ทั้งสื่อที่ใกล้ตัว สิ่งที่ประดิษฐ์เอง และสื่อสำเร็จรูป ผู้ดำเนินการวิจัยจึงจำเป็นต้อง ศึกษาและเรียนรู้วิธีการใช้ และเป้าหมายของสื่อแต่ละชนิดเพื่อนำมาใช้ให้สอดคล้อมกับกิจกรรมเพื่อพัฒนา ผู้เรียนให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้
ผลการวิจัยพบว่า เด็กปฐมวัยได้รับการจัดประสบการณ์ทางดนตรีตามแนวออร์ฟชูคเวิร์ค มีทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ ได้แก่ ด้านการจัดหมวดหมู่ ด้านการรู้ค่าคำนวน ด้านการเปรียบเทียบ ด้าน
อนุกรม
วิดีโอนางสาวภทรธร รัชนิพนธ์ เลขที่ 15
หมายเหตุ เลขที่ 15 เพื่อนไม่สบายไม่ได้เตรียมเนื้อหามาจึงไม่ได้นำเสนอค่ะ
ทักษะที่ได้รับ
-ทักษะการคิดเป็นขั้นเป็นตอน
-ทักษะการนำเสนอหน้าชั้นเรีัยน
-ทักษะการออกแบบราูปทรงเรขาคณิตต่างๆ
-ทักษะการคิดและวางแผนอย่างเป็นระบบ
-ทักษะการฟังแล้ววิเคราะห์
-ทักษะการจัดเรียง
-ทักษะการแก้ไขปัญหา
การนำมาประยุกต์ใช้
1.นำความรู้จากการนำไม้เสียบลูกชิ้นไปทำการสอนให้กับเด็กปฐมวัยได้ใช้จิตนาการการวางแผนในการสร้างรูปทรงเรขาคณิตต่างๆ
2.นอกจากการสร้างรูปทรงแล้ว ก็จะเป็นการนับจากรูปทรงว่าใช้ไม้กี่อันกี่ด้านต่อกัยนจึงจะได้รูปทรงที่ต้องการ
3.เวลาสอนเด็กควรมีวิธีการสอนที่หลากหลายและแปลกใหม่อยู่เสมอเพื่อกระตุ้นความสนใจแกผู้เรียน
เทคนิคการสอนของอาจารย์
1.ให้ความรู้ด้วยกิจกรรม
2.เปิดโอกาศให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล
3.อธิบายความรู้เกี่ยวกับคณิตศาสตร์
4.สอดแทรกเรื่องคุณธรรมจริยกรรม
5.ให้นักศึกษาออกมานำเสนอ
ประเมินผล
ประเมินตนเอง : เข้าเรียนตรงต่อเวลา ให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรม ตั้งใจทำกิจกรรม ช่วยเหล่อเพื่อน สนุกกับการทำกิจกรรม
ประเมินเพื่อน : ตรงต่อเวลา ช่วยเหลือกันและกัน สร้างบรรยากาศให้สนุกทำให้อยากเรียน ให้ความร่วมมือในการเรียน สนใจครูผู้สอน
ประเมินอาจารย์ : ตรงต่อเวลา แต่งกายถูกระเบียบและเหมาะสมหน้าเกรงขาม มีการเตรียมเนื้อหาการสอนมาเป็นอย่างดี สามารถควบคุมชั้นเรียนได้ดี เปิดโอกาสให้กับนักศึกษาแสดงความคิดเห็น และอธิบายเนื้อหาได้ชัดเจน