วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2559

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 11

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่  11

วัน พุธ ที่ 23 เดือน มีนาคม พ.ศ.2559  เวลา 8.30-12.30 น.


บรรยากาศการเรียนวันนี้
           วันนี้ทุกคนมาพร้อมเพียงกันค่ะ คุรครูก็มาพร้อมหน้าพร้อมตา เป็นเวลาที่พอเหมาะในการเรียนการสอน และได้เรียนตึกใหม่ ที่เป็นห้องเรียนรวม บรรยากาศโล่งสบาย แอร์เย็นช่ำ เพื่อมาเรียนกันครบ 20 คน และมีการสนทนาโต้ตอบเรื่องต่างๆ และให้นักศึกษาออกมานำเสนอชั้นเรียน

ความรู้ที่ได้รับ

กิจกรรมที่ 1 นำเสนอ บทความ,วิจัย,วิดีโอ

แก้ไขบทความของสัปดาห์ที่แล้ว 

บทความเรื่อง คณิตศาสตร์กับชีวิต
ของนางสาวชื่นนภา เพิ่มพูน เลขที่ 16


           “จุดมุ่งหมายของการศึกษาในอดีตจะเห็นได้ว่าการจัดการเรียนการสอนในช่วงต้นรัตนโกสินทร์คือระหว่างปี พ.ศ. 2325-2426 นั้นประเทศไทยยังไม่มีโรงเรียน แต่มีการเรียนกันที่วัดหรือที่บ้าน ความมุ่งหมายในสมัยนั้นคือ การให้สามารถ อ่าน เขียนภาษาไทย และคิดเลขได้ นอกจากนั้นอาจมีการเรียนช่างฝีมือกันที่บ้าน...” (ทิศนา แขมณี: ศาสตร์การสอน; 29)
                จากข้อความข้างต้นจะเห็นว่าความสำคัญของคณิตศาสตร์นั้นมีมาตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ และถ้าจะค้นหาลึกลงไปนั้นในสมัยโบราณก็คงจะมีการใช้คณิตศาสตร์ในชีวิตประจำวัน ในสังคมให้ความสำคัญกับการคำนวณ การเปรียบเทียบด้วยตัวเลข เปรียบเสมือนกับเป็นสิ่งที่ควบคู่ไปกับวิถีชีวิตของบุคคลต่างๆในสังคม ไม่ว่าจะอยู่ในระดับใดของสังคม หรือต่างชนชาติกันก็ตาม คณิตศาสตร์ก็ยังเป็นสิ่งที่จำเป็น และเป็นสากล ได้แก่การบวก ลบ คูณ หาร และในความเชื่อที่ว่าคณิตศาสตร์เป็นกระบวนการแก้ปัญหาที่มีรูปแบบและขั้นตอนมาตรฐาน ดังนี้คือ
(1)หาสิ่งที่ต้องการทราบ
(2)ว่างแผนการแก้ปัญหา
(3)ค้นหาคำตอบ
(4)ตรวจสอบ
               จากขั้นตอนทางคณิตศาสตร์นี้เป็นกระบวนการแก้ปัญหาที่ทำให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ที่เป็นระบบ เพื่อให้เกิดลำดับขั้นตอนในการแก้ไขสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น เปรียบเสมือนการแก้ปัญหาสิ่งๆหนึ่งโดยใช้กระบวนการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์เพื่อหาข้อค้นพบและสามารถตรวจสอบข้อมูลต่างๆได้อย่างมีระบบ ระเบียบ
                จะเห็นได้ว่าความสำคัญของคณิตศาสตร์นั้นมีความสำคัญกับชีวิตประจำวันเพื่อการดำเนินกิจกรรมต่างๆที่เกิดขึ้นเพื่อพัฒนาบุคคลในสังคมให้เกิดการแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ การขาย การคำนวณสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งคณิตศาสตร์เป็นพื้นฐานในการหาข้อสรุปเพื่อให้เกิดชิ้นงานต่างๆที่เกิดขึ้นเพื่อสนองตอบต่อสิ่งที่บุคลต้องการให้เป็นไม่ว่าจะเป็นสิ่งก่อสร้าง สิ่งอำนวยความสะดวกสบายที่เกิดขึ้นจากข้อความข้างต้นจะเสนอความสอดคล้องของคณิตศาสตร์กับชีวิตประจำวันได้อย่างไรดังตัวอย่างดังต่อไปนี้
                การซื้อขายของ เป็นการใช้หลักคณิตศาสตร์พื้นฐานได้แก่ การคำนวณในเรื่องของต้นทุน และการได้กำไร การกำหนดราคาเพื่อการตีค่าของราคาที่จะขายเพื่อให้เกิดกำไร ซึ่งเกี่ยวข้องหลักเศรษฐศาสตร์เบื้องต้นในการดำเนินการซื้อขาย  นอกจากนนี้ยังมีการทำบัญชีรายรับรายจ่าย ซึ่งก็ไม่พ้นในเรื่องของการใช้หลักคณิตศาสตร์ในการควบคุมการทำงาน
                การสร้างที่อยู่อาศัย เป็นการคำนวณอัตราส่วนของพื้นที่ในการการปลูกสิ่งปลูกสร้าง ในที่นี้ขอยกตังอย่างการสร้างที่อยู่อาศัย เริ่มตั้งแต่การคำนวณหาพื้นที่ในการสร้าง โดยหลักการวัดพื้นที่ (กว้าง x ยาว) จากนั้นต้องมี่การคำนวณโครงสร้างของสิ่งปลูกสร้างต่างๆได้แก่ ปูน หิน ทราย ไม้กระเบื้องและอื่นๆที่เป็นสวนประกอบของการสร้างที่อยู่อาศัย โดยการผสมปูน ได้แก่การคำนวณอัตราส่วนของส่วนผสมในการสร้างบ้าน ซึ่งแตกต่างกันในการใช้งานเช่น พื้นปูนอาจมีการผสมให้มีความหยาบเพื่อใช้เป็นฐานของโครงบ้าน การฉาบอิฐจะต้องมีการละเอียดของปูนเพื่อให้เกิดการยึดแน่นของอิฐกับปูนเพื่อให้เกิดความแข็งแรงและสวยงาม เป็นต้น
                การเงินการธนาคาร เป็นการออมทรัพย์เพื่อให้เกิดความความมั่นของชีวิต มีการคำนวณดอกเบี้ย ผลกำไร การปันผล การแลกเปลี่ยนเงินตราเพื่อให้ได้ผลประโยชน์ทางการเงิน โดยมีวิธีจูงใจผู้ฝากในรูปแบบต่างๆเช่น การออมทรัพย์ กระแสรายวัน ฝากประจำ ซึ่งมีการให้ดอกเบี้ยแตกต่างกันไป ขึ้นกับแต่ละธนาคารว่าจะให้ผลประโยชน์กับผู้ฝากอย่างไรและผู้ฝากเป็นผู้ตัดสินใจในการใช้บริการทางการเงินกับธนาคารใด

                ทางการศึกษา เป็นการคำนวณหาค่าต่างๆทีเกี่ยวข้องกับการให้คะแนน วิจัย การทดลองโดยใช้ค่าทางสถิติเพื่อให้เกิดข้อค้นพบต่างๆในเชิงปริมาณเพื่อหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น


นำเสนอบทวามของสัปดาห์นี้

ภาพการนำเสนอดิฉันเองค่ะ

นำเสนอบทความ

 นางสาวสุดารัตน์  อาจจุฬา เลขที่ 19

บทความ เรื่อง การจัดประสบการณ์คณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
บรรยายโดย
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อัญชลี  ไสยวรรณ

นำเสนอบทความโดย นางสาวสุดารัตน์  อาจจุฬา  เลขที่ 19

เมื่อพูดถึงคณิตศาสตร์ ผู้ใหญ่บางคนได้ฟัง ยังหนาวๆ ร้อนๆ แล้วสำหรับเด็กเล็กๆ
-การ เรียนรู้เรื่องนี้จะเป็นสิ่งที่ยากเกินไปสำหรับเขาหรือไม่? คำตอบของคำถามข้างต้นนั้นคือ "ไม่ยากหรอกค่ะ" ถ้าเรารู้จักเนื้อหาและวิธีในการส่งเสริมทักษะทางคณิตศาสตร์ให้กับเด็ก ซึ่งเริ่มต้นได้ง่ายๆ จากสิ่งรอบตัวเด็กนี่เอง... 
- ทักษะทางคณิตศาสตร์ คือ ? ก่อนที่จะค้นหาวิธีส่งเสริมต่างๆ ให้กับเด็ก เราควรจะรู้ว่าทักษะทางคณิตศาสตร์นั้นหมายถึง เรื่องอะไรบ้าง   เริ่มได้เมื่อไหร่ดี .... การเรียนรู้ทักษะทางคณิตศาสตร์ของเด็กแต่ละวัยย่อมแตกต่างกันไปเราสามารถส่งเสริมเนื้อหาทางคณิตศาสตร์ได้ทุกด้านแต่ต่างกันตรงวิธีการค่ะสำหรับเด็กวัย 3- 4 ขวบ จำเป็นต้องเรียนคณิตศาสตร์ผ่านสิ่งที่เป็นรูปธรรมมากเพราะเขายังไม่เข้าใจสิ่งที่เป็นนามธรรม เช่น ให้เด็กสามขวบ ดูตัวเลข 2 กับ 3 แล้วเอาเครื่องหมายมากกว่าน้อยกว่าไปให้เขาใส่ เขาก็จะงงแน่นอน ว่า เจ้าสามเหลี่ยมปากกว้างนี้คืออะไร เด็กวัยนี้การเรียนเรื่องจำนวนตัวเลข ต้องผ่านสิ่งของที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้ แต่ถ้าเป็นพี่ 5 หรือ 6 ขวบ จะเริ่มเข้าใจสิ่งที่เป็นนามธรรมหรือสัญลักษณ์ต่างๆ ได้แล้ว เรียนรู้ได้จากสิ่งใกล้ตัว
     คณิตศาสตร์มีอยู่ทุกหนทุกแห่งรอบตัวเรา ในแต่ละวันเด็ก ๆ มีโอกาสที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับ ตัวเลข จำนวน รูปทรงเรขาคณิต การจับคู่ การแยกประเภท ฯลฯ เช่น
-การตื่นนอน (เรื่องของเวลา)
-การแต่งกาย (การจับคู่เสื่อผ้า)
- การรับประทานอาหาร (การคาดคะเนปริมาณ)
- การเดินทาง(เวลา ตัว เลขที่สัญญาณไฟ ทิศทาง)
- การซื้อของ (เงิน การนับ การคำนวณ) ฯลฯ
เชื่อหรือยังคะว่าคณิตศาสตร์มี อยู่จริงในชีวิตประจำวัน   กิจกรรมใด ๆ ที่เปิดโอกาสให้มีการวางแผน การจัดแบ่งหมวดหมู่ จับคู่ เปรียบเทียบ หรือ   เรียงลำดับ ล้วนมีคุณค่าทั้งสิ้น   การจัดประสบการณ์คณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย หมายถึง การจัด กิจกรรมต่างๆที่เปิดโอกาส ให้ได้เด็กได้กระทำด้วยตนเอง ผ่านการเล่น การได้สัมผัส ได้กระทำ จากการมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนและ   ผู้ใหญ่ เรียนรู้จากรูปธรรมไปสู่นามธรรม เรียนรู้จากสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวไปสู่สิ่งที่อยู่ไกลตัวการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ตามหลักสูตร  การจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ตามหลักสูตร ควรเน้นให้เด็กเกิดความคิดรวบยอด และทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ 7 ด้าน ดังนี้
ความรู้เพิ่มเติม
ทักษะคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
          การส่งเสริมการเรียนรู้และการพัฒนาความคิดรวบยอดทางคณิตศาสตร์ให้แก่เด็กปฐมวัยนั้นครูหรือผู้เกี่ยวข้องควรทราบว่ามีทักษะจำเป็นอะไรบ้างที่เด็กปฐมวัยควรได้รับการส่งเสริมและพัฒนาเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการเรียนคณิตศาสตร์ของเด็กต่อไป   ทักษะที่เด็กปฐมวัยควรได้รับการส่งเสริมและพัฒนานั้นอาจแบ่งเป็น ทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ และทักษะพื้นฐานการคิดคำนวณ

ทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ ที่จำเป็นสำหรับเด็กปฐมวัยมี 7 ทักษะ ได้แก่

      1. ทักษะการสังเกต(Observation)
                   คือการใช้ประสาทสัมผัสในการเรียนรู้ โดยเข้าไปมีปฏิสัมพันธ์โดยตรงกับวัตถุสิ่งของหรือเหตุการณ์อย่างมีจุประสงค์ เช่น การจะหาข้อมูลที่เป็นรายละเอียดของสิ่งนั้น ๆ โดยไม่ใส่ความคิดเห็นของตนเองลงไป

      2. ทักษะการจำแนกประเภท(Classifying)
                   คือ ความสามารถในการแบ่งประเภทของสิ่งของ โดยหาเกณฑ์หรือสร้างเกณฑ์ในการแบ่งขึ้น  ส่วนใหญ่เด็กจะใช้เกณฑ์ในการจำแนกอยู่ 3 อย่าง คือ ความเหมือน ความแตกต่าง และความสัมพันธ์ร่วม ซึ่งแล้วแต่เด็กจะเลือกใช้(ดังนั้นครุควรถามเมื่อจัดกิจกรรมทั้งนี้เพื่อให้ประเมินเด็กได้อย่างถูกต้อง) ซึ่งเด็กปฐมวัยส่วนใหญ่จะเลือกใช้เกณฑ์ 2 อย่าง คือ ความเหมือน และความต่าง เมื่อเด็กสามารถสร้างความเข้าใจได้อย่างถ่องแท้เกี่ยวกับความสัมพันธ์แล้วเด็กจึงจะจำแนกโดยใช้ความสัมพันธ์ร่วมได้

      3. ทักษะการเปรียบเทียบ(Comparing)
                   คือ การที่เด็กต้องอาศัยความสัมพันธ์ของวัตถุสิ่งของหรือเหตุการณ์ ตั้งแต่สองสิ่งขึ้นไป บนพื้นฐานของคุณสมบัติที่มีลักษณะเฉพาะอย่าง เช่น เด็กสามารถบอกได้ว่าลูกบอลลูกหนึ่งมีขนาดเล็กกว่าลูกอีกลูกหนึ่ง นั่นแสดงให้เห็นว่า เด็กเห็นความสัมพันธ์ของลูกบอล คือ เล็ก - ใหญ่ ความสำคัญในการเปรียบเทียบ คือ เด็กจะต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะเฉพาะของสิ่งนั้น ๆ และรู้จักคำศัพท์คณิตศาสตร์  การเปรียบเทียบนับว่าเป็นพื้นฐานสำคัญต่อการเรียนในเรื่องการวัดและการจัดลำดับ

      4. ทักษะการจัดลำดับ(Ordering)
                   คือ การส่งเสริมให้เด็กได้พัฒนาความคิดรวบยอดเกี่ยวกับการจัดลำดับวัตถุสิ่งของหรือเหตุการณ์ ซึ่งเป็นทักษะการเปรียบขั้นสูง เพราะจะต้องอาศัยการเปรียบเทียบสิ่งของมากกว่าสองสิ่งหรือสองกลุ่ม การจัดลำดับในครั้งแรก ๆ ของเด็กปฐมวัยจะเป็นไปในลักษณะการจัดกระทำกับสิ่งของสองสิ่ง เมื่อเกิดการพัฒนาจนเกิความเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วเด็กจึงจะสามารถจัดลำดับที่ยากยิ่งขึ้นได้

      5. ทักษะการวัด(Measurement)
                   เมื่อเด็กมีประสบการณ์เกี่ยวกับการจัดประเภท การเปรียบเทียบ และการจัดลำดับมาแล้ว เด็กจะพัฒนาความสามารถเข้าสู่เรื่องการวัดได้ ความสามารถในการวัดของเด็ก จะมีความสัมพันธ์กับความสามารถใสนการอนุรักษ์(ความคงที่) เช่น เด็กสามารถเข้าใจเกี่ยวกับความยาวของเชือกได้ว่า เชือกจะมีความยาวเท่าเดิมถึงแม้ว่าจะเปลี่ยนทิศทางหรือตำแหน่งก็ตาม

      6. ทักษะการนับ(Counting)
                   แนวคิดเกี่ยวกับการนับจำนวน ได้แก่ การนับปากเปล่า บอกขนาดของกลุ่มที่มีขนาดเท่ากันโดยไม่ต้องนับ  นับโดยใช้ลำดับที่นับจำนวนเพิ่มขึ้น  นับเพื่อรู้จำนวนที่มีอยู่ การจดตัวเลข  การนับและเข้าใจความหมายของจำนวน  การใช้สัญลักษณ์แทนจำนวน ในเด็กปฐมวัยชอบการนับแบบท่องจำโดยไม่เข้าใจความหมาย การนับแบบท่องจำนี้จะมีความหมายต่อเมื่อเชื่อมโยงกับจุดประสงค์บางอย่าง เช่น การนับจำนวนเพื่อนในห้องเรียน นับขนมที่อยู่ในมือ แต่การนับของเด็กอาจสับสนได้หากมีการจัดเรียงสิ่งของเสียใหม่ เมื่อเด็กเข้าใจเรื่องการอนุรักษ์(จำนวน)แล้วเด็กปฐมวัยจึงจะสามารถเข้าใจเรื่องการนับจำนวนอย่างมีความหมาย

    7. ทักษะเกี่ยวกับเรื่องรูปทรงและขนาด(Sharp and Size)
                   เรื่องขนาดและรูปทรงจะเกิดขึ้นกับเด็กโดยง่าย ทั้งนี้เนื่องจากเด็กคุ้นเคยจากการเล่น การจับต้องสิ่งของ ของเล่น หรือวัตถุรูปทรงต่าง ๆ อยู่เสมอในแต่ละวัน  เราจึงมักจะได้ยินเด็กพูดถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับรูปทรงหรือขนาดอยู่เสมอ  ครูสามารถทดสอบว่าเด็กรู้จักรูปทรงหรือไม่ได้โดยการให้เด็กหยิบ/เลือก สิ่งของตามคำบอก เมื่อเด็กรูปจักรูปทรงพื้นฐานแล้วครูสามารถสอนให้เด็กรู้จักรูปทรงที่ยากขึ้นได้

ทักษะพื้นฐานในการคิดคำนวณ สำหรับเด็กปฐมวัยอาจแบ่งได้ 3 ทักษะ
        1. ทักษะในการจัดหมู่
        2. ทักษะในการรวมหมู่(การเพิ่ม)
        3. ทักษะในการแยกหมู่(การลด)


กิจกรรมที่ 2 เป็นกิจกรรมการเขียนแผน

ภาพกิจกรรม



ครูอธิบายและแนะนำการเขียนแผน

วันนี้อาจารย์ได้ให้นักศึกษาแต่ละกลุ่มนำโครงร่างของหัวข้อ mind map ที่เราเขียนร่างไว้ออกมานำเสนอ ซึ่ง จะมี 5 หัวเรื่อง 5 วัน แบ่งเป็นวันจันทร์หัวเรื่องที่ 1 วันอังคารหัวเรื่องที่ 2 วันพุธหัวเรื่องที่ 3 วันพฤหัสบดีหัวเรื่องที่ 4 และวันศุกร์หัวเรื่องที่ 5

การเขียนแผนทั้ง 5 วัน มีหัวข้อดังนี้
1.วันจันทร์ ประเภท หรือ ชนิด
2.วันอังคาร ลักษณะ
3.วันพุธ การดูแลรักษา
4.วันพฤหัสบดี ประโยชน์
5.วันศุกร์ ข้อควรระวัง


นี่งเป็น กลุ่ม 4 กลุ่ม 


โดยอาจารย์ให้นักศึกษานั่งกันเป็นกลุ่มนั่งเรียงตามวันที่แต่ละคนไปร่างแผนมา และอาจารย์ถามแต่ละกลุ่มว่าวันจันทร์ หัวข้ออะไรและจัดกิจกรรมอะไร กลุ่มของดิฉันคือหน่วยกล้วย

1.ชนิด – ของกล้วย
2.ลักษณะ –   สี พื้นผิว ขนาด รูปร่างรูปทรง
3.ประโยชน์ – สามารถนำไปทำเป็นอะไรได้บ้าง ผลิตเป็นยา อาหาร ฯลฯ
4.การถนอม –  ใช้ในการดำเนินชีวิต ส่งเสริมพัฒนาการ
5.ข้อควรระวัง – กินมากๆท้องอาจจะอืด  แน่นท้อง  หรือเก็บไว้ได้ในระยะเวลาที่สั้นอาจมีกลิ่นเหม็นเน่าเป็นต้น

สำหรับวันจันทร์กลุ่มของดิฉันใช้กิจกรรมแยกประเภทชนิดของกล้วย คือ ให้เด็กสามารถแยกชนิดของพันธุ์กล้วยได้  อาจารย์ให้คำเสนอแนะว่าเราต้องมีการบูรณาการคณิตศาสตร์เข้าไปร่วมด้วยแต่ละหน่วยที่เรานำมาจัดกิจกรรมนั้นสามารถบูรณาการเข้ากับคณิตศาสตร์ได้หากเรารู้จักวิธีการใช้ และแต่ละหน่วยจะมีลักษะที่แตกต่างกัน เช่น หน่วยผลไม้  หน่วยของเล่นของใช้  หน่วยยานพาหนะ ทำให้เราสามารถเสริมประสบการณ์ให้เด็กได้อย่างหลากหลายวิธี เพราะเด็กต้องคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลและวิธีการเรียนรู้ ดังนั้นครูจำเป็นจะต้องมีเทคนิคที่หลากหลายเพื่อนำมาใช้กับเด็ก

เมื่ออาจารย์สรุปแนะนำวิธีการทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว อาจารย์จึงให้นักศึกษาลองนำไปใช้เพื่อเขียนแผนสำหรับนำไปจัดประสบการณ์ให้แก่เด็ก

ทักษะ
1.ทักษะการสังเกต
2.ทักษะการนำเสนอผลงาน
3.ทักษะการเขียนแผน
4.ทักษะการเชื่อมโยง
5.ทักษะองค์ประกอบความรู้
6.ทักษะการลงมือปฏิบัติในการทำกิจกกรม
7.ทักษะการตอบคำถามอาจารย์
8.ทักษะการคิดวิเคราะห์

การนำเอาไปประยุกต์ใช้
1.การที่ได้ทำกิจกรรมจากการเรียนการสอนของวันนี้สามารถเอามาปรับใช้กับเด็กปฐมวัย ได้ และเหมาะสมกับการจัดกิจกรรมคณิตศาสตร์ให้เด็กปฐมวัยได้เหมาะสม
2.สามารถให้นักเรียนได้ใช้กระบวนการคิดอย่างไม่เป็นทางการกับกิจกรรมในชีวิต ประจำวันได้สามารถนำแนวทางการเรียนการสอนที่ถูกต้องไปใช้กับเด็กปฐมวัยได้จริง  

เทคนิคการสอนของอาจารย์
1. บรรยายเนื้อหาทางคณิตศาสตร์
3. เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้แสดงความคิดเห็น คิดอย่างมีเหตุผล
4.สอนให้เหตุและสอดคล้องกัน  โดยสอนเรื่องคุณธรรมจริยธรรมไปด้วย
5.บรรยายเนื้อหาการเรียนครบถ้วนและเข้าใจ
6.การหาแนวคิด วิธีการจัดทำกิจกรรมที่หลากหลาย และนำมาปรับพร้อมกับพูดคุยวิธีการเขียนแผนในรูปแบบของอาจารย์

ประเมิณผล
ประเมิณตนเอง : ตรงต่อเวลา รับผิดชอบงาน ร่วมทำกิจกรรมแสดงความคิดเห็นร่วมกับครูและเพื่อนๆ 
ประเมิณเพื่อน : ตรงต่อเวลา ตั้งใจฟังและจดบันทึกสาระการเรียนรู้ และแสดงความคิดเห็นอย่างเหมาะสม
ประเมิณอาจารย์ : ตรงต่อเวลา แต่งกายเรียนร้อยสวยงาม น่าเคารพสุขุม มีการอธิบายรายละเอียดที่ชัดเจน แนะนำแหล่งศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อเป็นประโยชน์ต่อนักศึกษา

วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2559

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 10

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 10

วันพุธ ที่ 16 เดือน มีนาคม พ.ศ.2559 เวลา 08.30-12.30 น.



บรรยากาศในการเรียน

          วันนี้คุณครูดูจะวุ่นวายมาก จึงเข้าสอนช้าหน่อย เพราะสัปดาห์นี้ต้องย้ายของไปไว้ที่ตึกใหม่ เพราะจะมีการทุบตึก แล้วสร้างตึกใหม่ 12 ชั้นจึงต้องรีบเก็บของแบบเร่งด่วน  ครูจึงได้เข้าสอนช้าและมีเวลาสอนน้อย แต่ก็พอให้ความรู้ไปไม่น้อยค่ะ ครูก็ขอความร่วมมือให้ไปช่วยงานเก็บกวาดจัดของ แล้วก็เข้าเรียนและสั่งงานต่อ ไม่นานก็ปล่อยกลับค่ะ

เรื่องที่เรียนวันนี้

-การทำมายแมพแบบใยสมอง ให้ถูกต้องและเหมาะสม
-แนะนำการทำงานนเกี่ยวกับเรื่องการสอนเด็กปฐมวัย
-การทำแผนการจัดประสบการณ์ในแต่ละวัน

ความรู้ที่ได้รับ

-ได้รู้วิธีการสอนเกี่ยวกับเด็กปฐมวัยมากขึ้น, ว่าควรกำหนดหัวข้อให้ถูกต้องเพื่อศึกษาที่ชัดเจนกับเรื่องที่สอน รู้ว่าควรแก้ไขปรับปรุงสิ่งใดเพิ่มเติมเพื่อนำไปปรับปรุง

-การทำแผนการจัดประสบการณ์ในแต่ละวันต้องสอดคล้องกับเรื่องที่จะสอดเด็ก ควรที่จะมีขั้นตอนและวิธีการสอนที่ถูกต้องและเหมาะสมกับเด็กปฐมวัย และนำคณิตศาสตร์มาบูรณาการเข้ากับกิจกรรมการเรียนการสอน

ภาพบรรยากาศหน้าชั้นเรียน




นำเสนอมายแมพของแต่ละกลุ่มพร้อมคำแนะนำ

ทักษะ
1.ทักษะการสังเกต
2.ทักษะการฟัง
3.ทักษะการตอบคำถาม
4.ทักษะการจับใจความของเรื่อง
5.ทักษะการคิดวิเคราะห์ตามคำแนะนำของครู
6.ทักษะการพิจารณาข้อผิดพลาด

การนำไปประยุกต์ใช้
-มีแนวทางในารสอน เกี่ยวกับกิจกรรมแต่ละหน่วยไปจัดอย่างถูกต้องและเหมาะสม
-สามารถปรับปรุงผลงานอื่นๆที่ยังมีข้อบ่งพร่องให้ดีมากขึ้นได้
-สร้างผลงานหรือกิจกรรมใหม่ๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับตัวเด็ก

เทคนิคการสอนของครู
1.สนทนาและบรรยายสอดแทรกคุณธรรมจริยธรรม
2.สอนให้ใช้หตุผลประกอบเนื้อหาการสอน และจับประเด็นสำคัญ
3.เปิดโอกาสให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็น

ประเมิณผล

ประเมิณตนเอง : ตรงต่อเวลา ตั้งใจฟังและจดเนื้อหาสาระที่เรียน สนใจผู้สอนและรับผิดชอบงานตามได้รับหมอบหมาย

ประเมิณเพื่อน : ตรงต่อเวลา ตั้งใจฟังและทำกิจกรรม สนใจ  รับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมาย

ประเมิณอาจารย์ : แต่งกายถูกต้องเหมาะสม  แนะนำข้อมูลเพิ่มเติม 

วันเสาร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2559

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 9

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 9

วันพุธ ที่ 9 เดือน มีนาคม พ.ศ.2559 เวลา 8.30-12.30 น.


บรรยากาศในห้องเรียน

           วันนี้เพื่อนๆและดิฉันเข้าเรียนตามปกติและตรงต่อเวลามากันพร้อมเพียง  แต่วันนี้คุณครูติดธุระจึงได้ขึ้นช้านิดหน่อยค่ะ เมื่อทุกคนพร้อมแล้วจึงเริ่มเรียน ซึ่งครูได้ทบทวนเรื่องที่ไปดูงานที่โรงเรียนอนุบาลพิบูลย์เวช ครูได้ถามนักศึกษาว่าได้อะไรจากการไปศึกษาในสถานที่ฝึกสอนจริงบ้าง ก็ต่างสนทนาพูดคุยกันอยู่พักใหญ่ครูก็ได้แจกกระดาษให้คนล่ะ 1 แผ่นเพื่อทำมายแมพเกี่ยวกับสาระที่เด็กเรียนรู้ ครูก็ได้อธิยายวิธีการทำและกำหนดหัวข้อ และให้ลงมือทำ

เรื่องที่เรียนในวันนี้
1.สนทนาพูดคุยสอบถามเกี่ยวกับเรื่องที่ไปศึกษาดูการเรียนการสอนที่โรงเรียนอนุบาลพิบูลย์เวช
2.ทำกิจกรรมที่สอดคล้องกับทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์
3.ความสัมพันธ์ของคณิตศาสตร์เกี่ยวกับกิจกรรม
4.วิธีกำหนดเรื่องเกี่ยวกับสาระที่เด็กควรรู้ที่เหมาะสมและสอดคล้องกับเด็กปฐมวัย
5.การทำมายแมพที่เป็นใยสมองแตกย่อยออกเป็น 3 ระดับ คือ
   - หัวข้อใหญ่
   - หัวข้อรอง
   - หัวข้อย่อย/แตกย่อย
6.การวางโครงเรื่องที่จะสอน

ความรู้ที่ได้รับ


การทำ mind map      

- เป็นการทำ เรื่องราวทั้งหมดของหน่วยที่เราจะเลือก เราจำเป็นจะต้องรู้ข้อมูลรายละเอียดต่างๆของเรื่องนั้น เช่น ประเภท ลักษณะ ประโยชน์ โทษ เพื่อจะใช้ว่าจะสอนอะไรกับเด็ก การเลือกเรื่องต้องเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวเด็ก เช่น ผลไม้ ผัก ยานพาหนะ โรงเรียนของฉัน ดอกไม้ น้ำ ของเล่นของใช้ สัตว์ ข้าว เป็นต้น
หน่วยที่เลือกนั้นเลือกตามสาระการเรียนรู้ 4 สาระ
1. เรื่องราวเกี่ยวกับตัวเด็ก
2. บุคคลและสถานที่แวดล้อมเด็ก
3. ธรรมชาติรอบตัวเด็ก

4. สิ่งต่างๆรอบตัวเด็ก

        - ในการไปศึกษาดูงานไม่ว่าจะเป็นที่ใดก็ตาม เราควรที่จะศึกษาประวัติข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่เสียก่อนเพื่อจะได้ทราบถึงพื้นฐานและการวางตัวอย่างไร และเป็นการให้เกียรติแก่สถานที่นั้นๆ รวมทั้งบุคลากรต่างๆก็ควรแก่การศึกษา เพื่อทราบข้อมูลพื้นฐานเป็นแนวทางในการศึกษาดูงานจะดำเนินต่อไป

       - กิจกรรมที่สอดคล้องกับทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์นั้นจะมีทุกกิจกรรมที่สอดคล้อมคณิตศาสตร์อยู่เสมอ  เช่น กิจกรรมการเคลื่อนไหว การให้เด็กแตะไหล่-ยกขึ้นกลางทำซ้ำๆกันไปมาเรื่อยๆ การสอนแบบนี้ เรียกว่าการสอนแบบพีชคณิต เรื่อง อนุกรม

      - ความสัมพันธ์ของตัวเลขและคณิตศาสตร์ เช่น 531-357 จะสังเกตได้ว่า 251 เป็นการลดจำนวนทีละ 2 และ 357 เป็ฯการเพิ่มจำนวนทีละ 2

     - การกำหนดเรื่องที่จะใช้สอนเริ่มจาก
1. กำหนดเรื่องให้สอดคล้องกับสาระการเรียนรู้ที่จะสอน
2. แบ่งชนิดหรือประเภทของหัวเรื่องที่จะสอน บางเรื่องสามรถแบ่งได้และบ้างเรื่องไม่สามารถแบ่งได้
3. ลักษณะของเรื่อง เช่น สี ขนาด รูปร่าง รูปทรง กลิ่น รส ส่วนประกอบ เป็นต้น จะต้องเลือกให้เหมาะสมกับเรื่องของตนเอง
4. การดำรงชีวิตแต่ละเรื่อง ไม่เหมือนกัน ก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เช่น การดูแลรักษา สิ่งไม่มีชีวิต และการขยายพันธ์ุ ของสิ่งมีชีวิตว่าเป็นอย่างไร
5. ประโยชน์ของเรื่อง
6. โทษและข้อควรระวัง

***************************************************************

นำเสนอ บทความ งานวิจัย และวิดีโอ หน้าชั้นเรียน เลขที่ 16, 17, และ 18

วิดีโอ

วิดีโอ ที่ไม่ไดพรีเซ้นสัปดาห์ที่แล้ว
นางสาวภทรธร รัชนิพนธ์  เลขที่ 15

วิดีโอโทรทัศน์ครู เรื่อง การศึกษาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตรของเด็กปฐมวัยที่ไดรับการจัดกิจกรรมพิมพภาพจากการแปรสภาพวัสดุธรรมชาติ

หลักการสอนคณิตศาสตรไวดังนี้
1. สอนใหสอดคลองกับชีวิตประจําวันการเรียนรูของเด็กจะเกิดขึ้นเมื่อเด็กมองเห็น ความจําเปน และประโยชนของสิ่งที่ครูกําลังสอนดังนั้น การสอนคณิตศาสตรแกเด็กจะตอง สอดคลองกับกิจกรรมในชีวิตประจําวัน เพื่อใหเด็กตระหนักถึงเรื่องคณิตศาสตรทีละนอย และ ชวยใหเด็กเขาใจเกี่ยวกับคณิตศาสตรในขั้นตอไปแตสิ่งที่สําคัญที่สุดคือ การใหเด็กไดปฏิสัมพันธ กับเพื่อนกับครูลงมือปฏิบัติดวยตนเอง

2. มีเปาหมายและมีการวางแผนที่ดีครูจะตองมีการเตรียมการเพื่อใหเด็กไดคอย ๆ พัฒนาการเรียนรูขึ้นเองและเปนไปตามแนวทางที่ครูวางไว

3. เปดโอกาสใหเด็กไดรับประสบการณที่ทําใหพบคําตอบดวยตนเอง เปดโอกาส ใหเด็กไดรับประสบการณที่หลากหลาย และเปนไปตามสภาพแวดลอมที่เหมาะสม มีโอกาสไดลง มือปฏิบัติจริง ซึ่งเปนการสนับสนุนใหเด็กไดคนพบคําตอบดวยตนเอง พัฒนาความคิดรวบยอด และความคิดรวบยอดไดเองในที่สุด

4. เอาใจใสเรื่องการเรียนรูและลําดับขั้นการพัฒนาความคิดรวบยอดของเด็ก ครู ตองมีการเอาใจใสเรื่องการเรียนรูเกี่ยวกับคณิตศาสตร โดยเฉพาะลําดับขั้น การพัฒนาความคิดรวบ ยอด ทักษะทางคณิตศาสตรโดยคํานึงถึงหลักทฤษฎี

5. ใชวีการจดบันทึกพฤติกรรม เพื่อใชในการวางแผนและจัดกิจกรรม การจด บันทึกดานทัศนคติ ทักษะ และความรูความเขาใจของเด็ก ในขณะทํากิจกรรมตาง ๆ เปนวิธีการที่ทํา ใหครูวางแผนและจัดกิจกรรมไดเหมาะสมกับเด็ก

บทบาทของครูในการจัดประสบการณดานคณิตศาสตร  กลาววา การจัดประสบการณและกิจกรรมทางดาน คณิตศาสตรที่เหมาะสมสําหรับเด็กปฐมวัย ตองมีกระบวนการและขั้นตอนที่ครูและผูเกี่ยวของ 43 ตองศึกษาและทําความเขาใจเพื่อจะไดดําเนินการไดอยางถูกตองและเปนประโยชนตอการเรียนรู ของเด็กปฐมวัยมากที่สุด ซึ่งมีนักการศึกษาไดเสนอแนะบทบาทของครูในการจัดกิจกรรม
คณิตศาสตรสําหรับเด็กปฐมวัย สรุปถึงบทบาทของครูวา การจัดการเรียนการสอนของครูที่มีคุณภาพ ควรจะเปนปจจุบันกับเหตุการณและไมเปนทางการ แตไมไดหมายความวาจะมีการวางแผนหรือไมมีระบบบทบาทของครูในการจัดประสบการณ ดานคณิตศาสตรสําหรับเด็กปฐมวัย ครูจะตองมีความรับผิดชอบสูงมีการวางแผนการจัดสิ่งแวดลอม แหงการเรียนรูใหกับเด็กซึ่งจะทําใหเด็กแสวงหาคําตอบ การจัดกิจกรรมเหลานี้เปนการวางพื้นฐาน ความคิดรวบยอดคณิตศาสตรสําหรับเด็กปฐมวัย


ภาพการนำเสนอวิดีโอ



การนำเสนอโทรทัศน์ครู  
นางสาวจิราภรณ์   ฝักเขียว

วิดีโอโทรทัศน์ครู เรื่องไข่ดีมีประโยชน์

        โดยคุณครูรจนา สังวรสินธุ์ โรงเรียนวัดไทรใหญ่ จังหวัดนนทบุรี ได้สอนกิจกรรมเสริมประสบการณ์เรื่องไข่ดีมีประโยชน์ทำให้เด็กได้สามารถเรียนรู้เนื้อหาเกี่ยวกับไข่ ชนิดของไข่ส่วนประกอบของไข่ ประโยชน์ของไข่ว่าทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้วก็อยากให้เด็กอยากหรือชอบที่จะรับประทานไข่ แล้วก็เด็กยังสามารถนำไข่มาประกอบอาหารได้

กิจกรรมที่ 1 คือให้เด็กเล่นเกมส่งไข่เป็ดโดยเด็กจะมีประสบการณ์เดิมแล้วว่าไข่เป็นสิ่งที่แตกได้ง่ายกิจกรรมนี้จะเป็นการฝึกสมาธิให้เด็กได้คิดว่าจะทำอย่างไรส่งไข่ให้เพื่อนแล้วไข่ไม่แตกเวลาส่งไข่ให้เพื่อนตาต้องมองไปที่เพื่อนตากับมือต้องสัมพันธ์กันทำให้เพื่อนสามารถรับไข่ได้ไข่ก็จะไม่ตกลงพื้น

กิจกรรมที่ 2 ครูเล่านิทานเรื่องไข่ของใครโดยนิทานเรื่องนี้เด็กจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับสีและได้รู้จักสัตว์เพิ่มมากขึ้นได้รู้ว่าสัตว์อะไรที่ออกลูกเป็นไข่บ้างในขณะเล่านิทานเด็กจะมีส่วนร่วมในการตอบคำถามของครูซึ่งการมีส่วนร่วมทำให้เด็กกล้าแสดงออกแล้วทำให้เด็กมีประสบการณ์มากขึ้นเกี่ยวกับเนื้อหาในนิทานครูนำนิทานที่เป็นสัตว์ของจริงมาให้เด็กดูเพราะจากในนิทานกับรูปภาพของจริงนั้นแตกต่างกันให้เด็กมีประสบการณ์จริงๆว่าสัตว์ที่ออกลูกเป็นไข่มีรูปร่างลักษณะเป็นอย่างไรเด็กจะเห็นภาพชัดเจนเป็นรูปธรรมและเข้าใจได้ง่าย

กิจกรรมที่ 3 ให้เด็กได้เรียนรู้เกี่ยวกับไข่ให้เด็กได้ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการสังเกต จำแนก เปรียบเทียบดูว่าไข่แต่ละชนิทมีลักษณะอย่างไรแตกต่างกันอย่างไรซึ่งเด็กให้เด็กช่วยกันแยกไข่จากตะกร้าใบใหญ่มาใส่ตะกร้าใบเล็กๆที่ครูแบ่งไว้ทั้งหมดห้าตระกล้าเล็กๆ นอกจากกระบวนการทางวิทยาศาสตร์แล้วไข่ยังบูรณาการเข้ากับคณิตศาสตร์ได้อีกด้วยโดยเด็กได้เรียนรู้ในเรื่องของจำนวนตัวเลขได้มีการนับเปรียบเทียบมากน้อยจำนวนเท่ากันไม่เท่ากัน โดยครูให้เด็กช่วยนับไข่ในตระกล้าที่เด็กช่วยกันแยกว่าแต่ละตะกร้ามีใครกี่ฟองครูถามเด็กว่าไข่ตะกร้าไหนเยอะที่สุดเด็กตอบว่าไข่นกกระทาเพราะมี 10 ฟอง ครูถามว่าใครในตะกร้าไหนน้อยที่สุดนั้นก็คือไข่เป็ดเพราะมีอยู่ 2ฟอง ละครูก็ถามว่าตะกร้าไหนมีจำนวนไข่ที่เท่ากันเด็กก็ตอบว่าไข่เค็มกับไข่เยี่ยวม้าที่มีจำนวนไข่ที่เท่ากันครูจึงพิสูจน์โดยการนำไข่มานับกันเป็นคู่หนึ่งต่อหนึ่งผลพิสูจน์คือไข่ทั้งสองมีจำนวนที่เท่ากัน หลังจากที่เด็กได้รู้ส่วนนอกของไข่เเล้วเด็กก็จะได้เรียนรู้ส่วนประกอบของไข่ว่าไข่แต่ละชนิดมีส่วนประกอบที่แตกต่างกันอย่างไรเช่นไข่ขาวของไข่เยี่ยวม้าจะมีเนื้อสีน้ำตาลดำส่วนไข่เค็มเนื้อไข่ขาวของไข่เค็มจะมีสีขาวเด็กจะได้รู้ความแตกต่างระหว่างไข่เค็มกับไข่เยี่ยวม้า ไข่เป็ดกับไข่ไก่อาจจะมีลักษณะใกล้เคียงกันครูควรพยายามชี้แหนะให้เด็กเห็นถึงความแตกต่างระหว่างไข่เป็ดกับไข่ไก่โดยอาจจะมีคำถามว่าลักษณะของไข่แดงของไข่เป็ดเเละไข่ไก่เป็นอย่างไรสีเหมือนกันไหมแล้วตอกไข่ให้เด็กดูเด็กก็จะสามารถตอบได้ว่าไข่เป็ดและไข่ไก่มีไข่แดงที่สีแตกต่างกัน ขนาดของไข่เป็ดใหญ่กว่าไข่ไก่


กิจกรรมที่ 4 เป็นกิจกรรมคุกกิ้งคือไข่หวานโดยเด็กสามารถประกอบอาหารที่มีขั้นตอนง่ายๆได้และเด็กจะเกิดความภาคภูมิใจที่สามารถประกอบอาหารรับทานเองได้ครูให้เด็กร่วมกันทำคุกกิ้งเด็กได้รู้ปริมาณการใส่เครื่องปรุงว่าต้องใส่น้ำหกถ้วยตวงและใส่น้ำตาลหนึ่งถ้วยตวง ขั้นตอนการตอกไข่ครูได้สาธิตให้เด็กดูก่อนพอให้เด็กตอกไข่ครูก็สามารถเข้าไปช่วยได้เพราะเด็กอาจจะยังไม่มีประสบการณ์การตอกไข่กล้ามเนื้อมือกับตาตายังไม่ประสานสัมพันธ์กันเด็กไม่สามารถกะได้ว่าต้องกดมือให้ไข่ลงตรงถ้วยพอดีหลังจากนั้นให้เด็กลงมือตอกไข่ใส่ถ้วยแล้วใส่ลงหม้อโดยครูสาธิตในการใส่ไข่ลงหม้ออย่างไรให้ถูกวิธี เด็กได้มีประสบการณ์เรียนรู้ได้ด้วยตนเองจากการกระทำ leaning by doing เด็กจะเกิดประสบการณ์ตรงและเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการศึกษาที่สูงขึ้น


ภาพการนำเสนอวิจัย



สรุปวิจัย  (แก้ไข) เรื่อง การพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย โดยใช้รูปแบบกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เพื่อการเรียนรู้
ในการวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงทดลองที่มุ่งศึกษาพัฒนาทักษะพื้นฐานทาง คณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยโดยใช้รูปแบบกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เพื่อการเรียน รู้

-ความมุ่งหมายของวิจัย
  เพื่อเปรี่ยบเทียบทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังได้รับการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เพื่อการเรียนรู้

-สมมติฐานในการวิจัย
             เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดรูปแบบกิจกรรมสร้างสรรค์เพื่อการเรียนรู้มี พัฒนาการทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ก่อนและหลังการทดลองแตกต่างกัน

-ขอบเขตการวิจัย
             นักรียนระดับปฐมศึกษา ชาย-หญิง โรงเรียนอนุบาลละอออุทิศ จำนวน 10 ห้อง

-เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า
1.แผนการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เพื่อการเรียนรู้
2.แบบทดสอบทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์การสร้างแผนการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เพื่อการเรียนรู้

-สรุปผลวิจัย
  เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์มีคะแนนเฉลี่ยทักษะพื้นฐาน ทางคณิตศาสตร์ โดยรวม 5 ทักษะและการจำแนกรายทักษะ คือ ทักษะการบอกตำแหน่ง ทักษะการจำแนก ทักษะการนับ ทักษะการรู้ค่าของจำนวน และทักษะการเพิ่ม-ลด อยู่ในระดับที่ดี และเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ มีพัฒนาการทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ในทุกทักษะสูงขึ้น

-แผนการสอนการจัดกิจกรรมรูปแบบศิลปะสร้างสรรค์เพื่อการเรียนรู้
หน่อย ต้นไม้  หน่วยย่อย ขนาดของต้นไม้
มโนท้ศน์  ต้นไม้มีขนาดแตกต่างกัน เช่น ต้นใหญ่ ต้นเล็ก ต้นสูง
จุดประสงค์
สามารถจำแนกจำแนกขนาดต้นไม้ได้

กิจกรรมศิลปะ  ศิลปะค้นหา
กิจกรรมการเรียนการสอน
ขันนำ
1.กระตุ้นการเรียนรู้ คือ ให้สิ่งเร้าที่สอดคล้องกับสาระ
2.กรองสู่มโนทัศน์ คือ กระตุ้นให้สะท้อนคิดและโยงความรู้เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น

ขั้นสอน
1.ครูพาเด็กออกไปสังเกตต้นไม้ในบริเวนสนามเล่นในโรงเรียน บอกจุดประสงค์ว่าจะเรียนเรื่องขนาดของต้นไม้
2.สนทนา ตั้งคำถามกับเด็กเกี่ยวกับต้นไม้ เช่น เด็กๆคิดว่าต้นไม้ในสนามมีขนาดเท่ากันหรือไม่  ต้นไม้ต้นไหนใหญ่ที่สุด  ต้นไม้มีจำนวนกี่ต้น (ให้เด็กร่วมกันนับ)
3.ครูแจกกระดาษให้เด็กๆวาดรูปต้นไม้ที่ตนเองชอบ

ขั้นสรุป
ให้เด็กๆถามเกี่ยวกับผลงานของเพื่อนและร่วมกันสรุปการทำกิจกรรมในครั้งนี้

สื่อ
1.ดินสอ
2.กระดาษ
3.ต้นไม้ที่สนามเด็กเล่น (ของจริง)

ประเมิน
1.สังเกตการตอบคำถามเกี่ยวกับต้นไม้ของเด็ก
2.สังเกตความสนใจในการทำกิจกรรม
3.สังเกตผลงานศิลปะของเด็ก

**********************************************************************************

ทักษะที่ได้
1.ทักษะองค์ประกอบความรู้
2.ทักษะการสังเกต
3.ทักษะการตอบคำถามอาจารย์
4.ทักษะการบูรณาการการเรียนคณิตศาสตร์มาใช้ในชีวิตประจำวัน
5.ทักษะการการจัดกิจกรรมต่างๆให้สอดคล้องกับคณิตศาสตร์
6.ทักษะการคิดวิเคราะห์
7.ทักษะการกำหนดเรื่องที่สอดคล้องกับสาระการเรียนรู้ของเด็ก

การนำเอาไปประยุกต์ใช้
1.การที่ได้ทำกิจกรรมจากการเรียนการสอนของวันนี้สามารถเอามาปรับใช้กับเด็กปฐมวัยได้ และเหมาะสมกับการจัดกิจกรรมคณิตศาสตร์ให้เด็กปฐมวัยได้เหมาะสม
2.สามารถนำประสบการณ์การในชีวิตประจำวันมาใช้กับการเรียนคณิตศาสตร์
3.สามารถให้นักเรียนได้ใช้กระบวนการคิดอย่างไม่เป็นทางการกับกิจกรรมในชีวิต ประจำวันได้สามารถนำแนวทางการเรียนการสอนที่ถูกต้องไปใช้กับเด็กปฐมวัยได้จริง 

เทคนิคการสอนของอาจารย์
1.บรรยายเนื้อหาการเรียนครบถ้วนและเข้าใจ  
2.สอนให้เหตุและสอดคล้องกัน  โดยอาจารย์จะสอดแทรกเรื่องคุณธรรมไปด้วย

3. เปิดโอกาสให้นักศึกษาตอบคำถามและแสดงความคิดเห็น

ประเมิณ

ประเมิณตนเอง : เข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกระเบียบตั้งใจฟังครูอธิบายและรับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมายส่งในคาบ และมีส่วนร่วมในการถามตอบครูผู้สอน 

ประเมิณเพื่อน : เข้าเรียนตรงต่อเวลา ตั้งใจเรียน ให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรม และมีการเสนอแนะข้อคิดเห็นระหว่างเรียน

ประเมิณอาจารย์ : แต่งกายเรียบร้อยเหมาะสม มีสื่อและเตรียมความพร้อมมาเป็นอย่างดี มีการเรียนเป็นระบบระเบียบ และอธิบายเนื้อหาได้ชัดเจน ทำให้เข้าใจและสามารถทำกิจกรรมสำเร็จลุล่วงได้

วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2559

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 8

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 8

วันพุธ ที่ 8 เดือน มีนาคม  พ.ศ.2559 เวลา 08.30.-15.00 น.


ศึกษาดูงานนอกสถานที่ 

ที่โรงเรียนอนุบาลพิบูลย์เวช

                               

ยินดีตอนรับนักศึกษาชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม คณะศึกษาศาสตร์ สาขาการศึกษาปฐมวัย (เขียนตอนรับบนแผนไฟหน้าเสาธงและห้องประชุม)

ชมวิดีโอ


วิดีโอโรงเรียนพิบูลเวศม์

                                   

วีดิทัศน์แนะนำโรงเรียนพิบูลเวศม์

**************************************************************************




โดยมีนายสุวรรณ  ยะรังวงษ์  
ผู้อำนวยการ โรงเรียน ให้การตอนรับเป็นอย่างดี


และยังได้รับเกรียติจากครูผู้สอนสละเวลามาเป็นวิทยากรให้ความรู้และแนะนำชั้นเรียน


ภาพกิจกรรมแรกที่เห็นเมื่อเดินเข้าไปบริเวณหน้าเสาธงเด็กๆกำลังฝึกกายบริหารก่อนเรียนอยู่ค่ะมีทั้งผู้นำผู้ตาม น่ารักมากๆค้ะ 


และมีห้องประชุมใหญ่ที่มีอุปกรณ์ให้ความรู้มากมายที่ครบครัน ทั้งการจัดเตรียมและคณะครูก็มีความพร้อมในการให้ความรู้ ทุกอย่างลงตัว สร้างความสนใจให้กับผู้มาเยี่ยมเยือนได้เป็นอย่างดีเลยละค้ะ


เอกสารของทางมหาวิทยาลัยของเรา มีทั้งโจทย์และใบประเมิณกิจกรรมและกระดาษป่าวไว้จดบันทึกงานค่ะ


ฟังบรรยายพร้อมจดสรุปเนื้อหาสาระเพื่อนำเนื้อไปลงบล็อกและลงแบบประเมิณของทางโรงเรียนที่แจกมาค่ะ

**********************************************************

                  และเมื่อเปิดงานพร้อมฟังการบรรยายถึงประวัติความเป็นมาและวิธีการสอนของโรงเรียนก็มีอาหารว่างให้ได้ทานกันอีกด้วยทั้งอิ่มได้ความรู้อีก สะดวกสะบายเลยค่ะ  หลังจากนั้นก็แบ่งกลุ่มเป็น 3 กลุ่มเพื่อลงไปดูการเรียนการสอนจริง ของเด็กปฐมวัยชั้น อนุบาล 1-2  เรามาดูกันค่ะว่าเมื่อลงปฏิบัติจริงแล้วนั้นเป็นอย่างไร  ไปกันเลยค่ะ

                                   
ห้องแรกที่กลุ่มดิฉันเยี่ยมชมคือชั้น อนุบาล 2/2 อาคาร 2 ชั้น 2 ค่ะ 
จากภาพก็จะเห็นได้ว่าเด็กๆนั้นมีความตั้งใจมีสมาธิอยู่กับงานที่ทำและจดจ่อกับผลงานตนเอง 


ชั้นอนุบาล 2/1 กำลังทำกิจกรรมเสริมประสบการณ์



ชั้นอนุบาล 2/4 เด็กทำกิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ และมีการสอนในรูปแบบภาษาอังกฤษด้วยค่ะ

**********************************************************

                 หลังจากที่ได้ดูการทำกิจกรรมเของเด็กแล้วภายในห้องเรียนก็จะมีมุมต่างๆ เช่น  มุมหนังสือ  มุมบทบาทสมมติ  มุมบ้าน/บล็อก เป็นต้น ซึ่งเราก็ได้เก็บภาพสื่อเหล่านั้นมาให้ได้ชมด้วยค่ะ

บล็อกไม้หลากสี

เป็นสื่อที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการทั้ง 4 ด้าน คือ
1.ด้านร่างการ เด็กจะได้พัฒนาการทางแขนและนิ้วมือในการหยิบจับ
2.ด้านอารมณ์ เด็กจะได้ผ่อนคลายไปกับของเล่น ทำให้เด็กลืมความเครียดเกิดความสนุกและมีความสุข
3.ด้านสังคม  เด็กสามารถเล่นกับเพื่อนๆได้อย่างมีความสุขรู้จักการรอคอย
4.ด้านสติปัญญา เด็กจะได้คิดและวางแผนในการสวมบล็อกหรือต่อบล็อกเป็นรูปทรงต่างๆตามจิตนาการของเด็กอย่างอิสระ และยังรู้จักรูปทรงเรขาคณิต มีสีที่หลากหลายทำให้เด็กมีความคิดสร้างสรรค์

มุมบล็อก

รู้จักรูปทรง รูปร่างเรขาคณิต และฝึกการนับจำนวน


เป็นมุมส่งเสริมความรู้ให้กับเด็ก บอกถึงประโยชน์ของทานตะวัน ซึ่งเรื่องที่ครูจะนำมาติดไว้ให้ได้ศึกษาจะเป็นกิจกรรมที่กำลังทำหรือทำมาแล้วภายในสัปดาห์นั้นๆเพื่อเป็นการทบทวนความรู้ให้กับเด็ก

แผ่นชาร์ทเพลงที่เด็กๆช่วยกันแต่งขึ้นมา

ครูเป็นผู้อำนวยความสะดวกและคอยช่วยเหลือเด็ก

ให้ความรู้ด้านภาษา

มุมหนังสือ

การจัดห้องเรียนตามแนวมอนเตสซอรี่ (แบบธรรมชาติ)

มุมวิทยาศาสตร์

การเรียนแบบโครงการ
Project Approach เรื่องผีเสื้อ ซึ่งบูรณาการกับวิชาภาษาอังกฤษ 

การตกแต่งภาพจากหิน
เป็นกิจกรรมสร้างสรรค์ที่เกิดจากงานศิลปะ เด็กจะได้เรื่องของขนาดของก้อนหิน สีที่หลากหลายการแยกสีการเรียงลำดับสีหรือขนาดตามจิตนาการของเด็ก


โครงการเรื่องต้นไม้นาๆพันธุ์

อีก 1 กิจกรรมที่ดิฉันชอบ ครูและเด็กๆช่วยกันสร้างต้นไม้ขึ้นมา เป็นกิจกรรมแบบโครงการ เรียนเนรื่องต้นไม้

สรุป
               สื่อการสอนที่นำมาให้ชมนั้นเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่ดิฉันไม่สามารถเก็บภาพมาได้ทั้งหมดเพราะมันเยอะมากค่ะจึงยกแค่บ้างส่วนเพื่อให้เห็นภาพประกอบที่ชัดเจนขึ้นค่ะ  ส่วนกิจกรรมในชั้นเรียนก็ได้ความรู้ในการเก็บเด็กการควบคุมฉันเรียนวิธีการสอนที่ถูกวิธีและเห็นภาพความเป็นจริงเพื่อจะได้ตระหนักถึงความสำคัญในการเป็นครูที่ดี และสามารถลงมือปฏิบัติจริงได้เมื่อถึงเวลาสังเกตการสอนหรือลงสอนจริงค่ะ

***************************************

ความรู้ที่ได้รับ
             รู้จักการเลือกใช้สื่อที่สามารถนำมาส่งเสริมทักษะทางคณิตศาสตร์ได้มากขึ้น และรู้ว่าแต่ละสื่อนั้นควรจัดอย่างไรให้น่าสนใจและเหมาะสมสำหรับเด็ก มีการจัดสภาพแวดล้อมภายในห้องเรียนที่ีส่งเสริมทักษะทางคณิตศาสตร์โดยการใช้สื่อมาเป็นการเรียนรู้สำหรับเด็ก และให้เด็กได้เรียนรู้และปฏิบัติได้ด้วยตนเอง จะทำให้เด็กได้รับประสบการณ์ตรงจากการเรียนรู้ และสามารถนำไปบูรณา่การกับการเรียนคณิตศาสตร์ได้ และยังทำให้เด็กสนใจคณิตศาสตร์มากขึ้น รู้จักการนำกิจกรรม 6 กิจกรรมมาบูรณาการในการเรียนการสอนและส่งเสริมพัฒนาการครบทั้ง 4 ด้าน สอดแทรกคำถาม กระบวนการคิดการแก้ไขปัญหา และประสบการณ์สำคัญของเด็ก ได้ทราบถึงวิธีการสอบแบบโครงการ Project Approach ว่ามีวิธีการจัดการเรียนการสอนเป็อย่างไร ได้ทราบถึงการประเมิณวิธีการประเมิณและ้เครื่องมือการประเมิณในการจัดกิจกรรม ได้รู้ถึงลักษณะรูปแบบต่างๆเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในอนาคตได้

ทักษะที่ได้รับ
-ทักษะการสังเกต
-ทักษะการคิดวิเคราะห์
-ทักษะการฟังและการมองเห็น
-ทักษะการเขียนสรุป
-ทักษะการคิดแสดงความคิดเห็น

การนำความรู้ไปประยุกต์ใช้
-สามารถทำสื่อที่มีความหลากหลายในการสอนทางคณิตศาสตร์
-นำเอาวิธีการจัดห้องเรียนที่สนใจไปปรับใช้กับห้องเรียนในอนาคตเมื่อลงปฏิบัติจริง
-เน้นการทำกิจกรรมที่ให้เด็กได้เรียนรู้ด้วยตนเองเพื่อเแป็นประสบการณ์ตรง
-มีทักษะความรู้ในการทำการสอนแบบ โครงการหรือProject Approach 


ประเมิณผล

ประเมิณตนเอง : ตรงต่อเวลาแต่งกายถูกระเบียบทุกประการ ตั้งใจจดบันทึกและแสดงความคิดเห็นให้ความร่วมมือให้การดำเนินกิจกรรมและสนใจวิทยากร สังเกตพฤติกรรมของเด็กแต่สภาพแวดล้อมภายในชั้นเรียน ฟังและทำความเข้าใจในขณะที่ฟังบรรยาย ปฏิบัติตนอย่างเหมาะสมร่วมทั้งการมีสัมมาคารวะ

ประเมิณเพื่อน : ตรงต่อเวลา แต่งกายถูกระเบียบ ตั้งใจฟังและจดกิจกรรมและสำรวจสังเกตพฤติกรรมเด็กในขณะที่ทำกิจกรรมให้ความร่วมมือกับวิทยากรในการตอบคำถามและแสดงความคิดเห็น และปฏิบัติตนได้เหมาะสมกับสถานศึกษา