วันเสาร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2559

บันทึกการเรียนครั้งที่ 4

บันทึกการเรียนครั้งที่ 4

วันพุธ ที่  27 เดือน มกราคม พ.ศ.2559

บรรยากาศในห้องเรียนวันนี้

วันนี้มาแบบไม่รู้อะไรเลย มาสายค้ะเข้ามาก็เห็นเพื่อนๆนำกระดาษที่เขียนชื่ิอตนเองไปแปะหน้ากระดาน

เรื่องที่เรียน
ซึ่งแบ่งเป็น 2 ช่อง คือคนที่มา และไม่มา ฉันรีบเขียนชื่อแล้วไปแปะคนสุดท้าย แล้วครูก็อธิบายต่อว่าทำไมถึงให้นำกระดาษมาแปะแล้วแยกกลุ่มคนออกเป็น 2 กลุ่ม
(1)
มา
ไม่มา













ตารางครั้งแรกที่ฉันเห็น

ครูให้นับจำนวนตัวเลข โดยให้อ่านตามลำดับ จะมีตัวเลขลำดับกำกับเป็นข้อๆไว้ แบ่งกลุ่มเป็น 2 กลุ่ม
(2)  
ลำดับ
มา
ไม่มา
1
2
3
4
ชื่อ
ชื่อ
ชื่อ
ชื่อ

ชื่อ








รวม
18
2
ทั้งหมด
20

ตารางแสดงการมาโรงเรียนซึ่งมีการออกแบบจากความคิดเห็นของนักศึกษาจึงออกมาดูดียิ่งขึ้น

 ที่เห็นในตารางคือจำนวนนักศึกในห้องเรา ซึ่งสมมุติว่าเป็นนักเรียน ชั้น อ.1/2 ดังนี้
 คำถามวันนี้ของนักเรียนคือ
    1. เพื่อนที่มาโรงเรียนมีจำนวนกี่คน
         เด็กตอบ  มา 18 คน
    2. เพื่อนที่ไม่มาโรงเรียนกี่คน
         เด็กตอบ  ไม่มา 2 คน
    3. สมาชิกในห้องทั้งหมดมีกี่คน
         เด็กตอบ  มีทั้งหมด 20 คน
     สมมุติว่ามีนักเรียน 30 คน แบ่งเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน แบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม ถ้าหากจำนวนคนเยอะ เราต้องทำให้กลุ่มเยอะขึ้น แต่จำนวนยังคคงเดิม และดูเล็กลง เพื่อจะได้เช็คชื่อเด็ก แล้วตั้งชื่อกลุ่ม เช่น กลุ่ม สามเหลี่ยม  สี่เหลี่ยม  วงกลม  หกเหลี่ยม  ห้าเหลี่ยม  วงรี่เพื่อให้เด็กได้มีประสบการณ์ด้านรูปทรง ต่างๆ

ออกแบบทรงที่แตกต่างกันให้เด็กมองเห็นได้ชัด เพื่อให้เด็กได้แยกรูปทรงง่ายขึ้น


ภาพแสดงตารางเป็นกลุ่มย่อย

กิจกรรมต่อมาคือการขับร้องเพลงเด็กปฐมวัย
เพลงหนึ่งปีมีสิบสองเดือน


เพลงเข้าแถว


เพลงสวัสดีคุณครู


เพลงจัดแถว


เพลงขวดห้าใบ


เพลงสวัสดียามเช้า


เพลงซ้าย-ขวา




เนื้อหาสาระที่เรียน
       การแบ่งกลุ่มแยกออกแต่ละตารางนั้นทำให้กลุ่มเยอะขึ้นแต่จำนวนน้อยลงและเป็นระเบียบมากขึ้น และไกด้คิดหาวิธีการแก้ไขปัญหา ว่าทำอย่างไรให้ดูสวยงามดูแล้วเข้าใจง่าย จากนั้นก็เพิ่ม เลขลำดับเข้าไป มีช่องเพิ่มขึ้นจัดระเบียบใหม่ให้ง่ายต่อการอ่านของผู้เรียน ดังรูปที่ 2  และจัดประสบการณ์เกี่ยวกับคณิตศาสตร์ทีใช้ในชีวิตประจำวัน ที่อยู่รอบๆตัว ไม่ว่าจะเป็นการตื่นนอน การมาเรียนทันเวลาหรือมาคนแรกๆก็จะได้อยู่คนที่1 2 3 ตามลำดับแต่ถ้าหากมาสายก็จะได้เป็นคนสุดท้ายถ้าหากอยากอยู่คนแรกๆ ก็ต้องมาก่อน เป็นเทคนิคการจัดกิจกรรมให้เด็กกระตือรือล้นด้วยตัวของเขาเอง ไม่ควรพูดตรงจนเกินไป ในบางครั้งเด็กก็อาจจะไม่รู้ว่าทำไมถึงเแป็นแบบนั้นเราเป็นครูควรจะอธิบายให้เด็กนั้นเข้าใจ แล้วเขาจะปฏิบัติเอง  ในส่วนของตัวเลขก็เช่นกันที่เป็นการนับจำนวนก็เป็นพื้นฐานในการ บวก ลบในระดับชั้นต่อๆไปตามความเหมาะสม ได้เรียนรู้เรื่องภาษา สามารถอ่านชื่อยาวๆได้

นำเสนอหน้าชั้นเรียนเลขที่ 5 6 และ 7


คนที่ 1 เลขที่ 4 นำเสนอบทความ


บทความ เรื่อง เสริมการเรียนเลขให้ลูกวัยอนุบาล
โดย ผศ.ดร.ชลาธิป สมาหิโต ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการศึกษาปฐมวัย คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

กระบวนการคิดและคณิตวัยอนุบาล
          แนวทางสำคัญ คือ ครอบครัว การพัฒนาเรื่องกระบวนการคิดของเด็ก จะเป็นการช่วยส่งเสริมการเรียนคณิตศาสตร์ของลูกได้เป็นอย่างดี มี 3 รูปแบบดังนี้

1.เข้าใจด้วยระบบสัญลักษณ์
        เด็กวัยนี้จะนับเลข 1-5 ได้ แต่ไม่รู้ถึงจำนวนค่าเท่าไรเด็กจะยังไม่เข้าใจ ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องช่วยกันสร้างความเข้าใจแก่เขา โดยการใช้ระบบสัญลักษณ์เช่นภาพหรือสิ่งของที่จับต้องได้ แทนตัวเลขเพราะเด็กจะเข้าใจง่ายกว่า

2.เด็กอนุบาลจะทำกิจกรรมโดยใช้ประสาทสัมผัสตากับมือเป็นหลัก 
        การนับสิ่งของที่มี 2 แถว แถวหนึ่งวางห่างกันมีจำนวนมากกว่า เพราะยาวกว่า คุณพ่อคุณแม่จึงต้องคอยอธิบายให้ลูกฟังอย่างใจเย็นที่สุด

3.ทักษะทางภาษายังต้องสั่งสม
        ทักษะทางภาษาเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ในการเรียนคณิตศาสตร์ ซึ่งสำหรับเด็กวัยอนุบาลยังต้องได้รับการกระตุ้นเรื่องการสื่อสาร เพื่อพัฒนาทักษะทางภาษาที่ดีขึ้น อันจะส่งผลให้เขาสามารถตั้งคำถามและอธิบายเกี่ยวกับเรื่องที่เรียนได้ เช่น มีของอยู่ 3 ชิ้น  หากเขามีทักษะทางภาษาที่ดีจะต้องเข้าใจคำว่า "เพิ่ม" คืออะไร และจะนำมาซึ่งกระบวนการคิดและตอบคำถามอย่างถูกต้อง


วิจัยเรื่อง ทักษะทางคณิตศาสตร์ที่ได้รับจากการทำอาหารพื้นบ้านอีสาน 
โดย: กุหลาบ ภูมาก มหาวิทยาลัยศรีนครินทวิโรฒ

      การจัดประสบการณืพื้นบ้านอาหารอีสาน เด็กปฐมวัยสามารถเรียนรู้ได้โดยที่เด็กลงมือทำ ปฏิบัติจริง เด็กจะเกิดความสนุกสนาน เพราะการประกอบอาหารเป็นสิ่งรอบตัวเด็ก อยากทดลอง อยากลงมือทำ เพื่อให้เด็กเกิดกระบวนการเรียนรู้ ดังนี้

- ด้านการเปรียบเทียบ
- ด้านการจัดหมวดหมู่
- ด้านเรียงลำดับ
- ด้านการรู้ค่าจำนวน

กลุ่มทดลอง
เด็กอนุบาล 2 ปีพ.ศ.2556 โรงเรียนโลกเต็นวิทยาคม ต.หนองแดง จ.ขอนแก่น

ทำการทดลอง
8 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 3 วัน วันละ 1 ครั้ง โดยใช้เวลาในการจัดประสบการณ์ 50 นาที รวม 24 ครั้ง

ระยะที่ 1 ขั้นเตรียม 
 - ก่อนการประกอบอาหาร ครูนำเข้าสู่กิจกรรม โดยใช้สื่อของจริง และรูปภาพ ให้เกิดการเปรียบเทียบ

ระยะที่ 2 ขั้นจัดประสบการณ์
 - ให้เด็กแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน ลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง โดยการจัดหมวดหมู่อาหาร การหาร การปรุงรส การหั่นผัก รวมถึงการรู้ค่าของจำนวนด้วย

ระยะที่ 3 ขั้นสรุป
 - เป็นการพูดคุยสนทนา โดยใช้คำถามปลายเปิด เกี่ยวกับลักษณะของวัตถุดิบ ที่ใช้ประกอบอาหารได้ และอาจจะมีกิจกรรมให้วาดรูประบายสีและออกมาถ่ายทอดประสบการณ์หน้าชั้นเรียน

สิ่งที่เด็กได้รับ
1.เรียนรู็เกี่ยวกับโภชนาการ อาหารต่างๆ
2.รู้จักการคำนวณ เช่น การวัด การกะ และปริมาณ
3.พัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กและกล้ามเนื้อมัดใหญ่ให้แข็งแรง
4.ฝึกการใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้แก่ การสังเกต การชิมรส การดมกลิ่น การฟังเสียงที่เกิดขึ้น และการสัมผัส
5.รู้จักการทำงานเป็นกลุ่ม


วีดีโอ สรุป เรื่อง สอนคณิตศาสตร์ปฐมวัยด้วยนิทาน
โดย : มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ จ.ฉะเชิงเทรา

      ด้วยความมุ่งหวังที่จะสร้างเจตคติที่ดีต่อวิชาคณิตศาสตร์ให้กับเด็กปฐมวัย จำเป็นต้องเรียนรู้เทคนิคการสอนของคณิตศาสตร์ในแง่มุมใหม่ๆ ที่ไม่ใช่แค่การนับจำนวน และการท่องจำ อ.ธิดารัตน์ จึงมุ่งเน้นการสอนนักศึกษาให้เน้นการนำกิจกรรมไปสอนและปลูกฝั่งความรักคณิตศาสตร์ให้กับเด็กๆ โดยเฉพาะการใช้ "นิทาน" เป็นสื่อช่วยสอน เพราะเด็กปฐมวัยทุกคนชอบนิทานอยู่แล้ว ถ้าครูนำนิทานมาบูรณาการสอนเด็กๆ จะทำให้เขารู้สึกสนุก และมีทัศนคติที่ดีต่อการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ต่อไป โดยการเล่านิทานลูกหมู 3 ตัว จะได้ทราบถึงการเปรียบเทียบขนาด น้ำหนักและขนาด


คนสุดท้าย ที่ได้ทำการแก้ไขวิจัยของสัปดาห์ที่แล้ว ออกมานำเสนออีกครั้ง


สาระมาตราฐานการเรียนรู้
- การนับตามลำดับ
- ความแตกต่างของรูปทรง
- การออกแบบความคิดใหม่ๆ
- คณิตศาสตร์และภาษา
- ทักษะคณิตศาสตร์ในชีวิตประจำวัน
ทักษะที่ได้รับจากการเรียนในวันนี้
1. ทักษะการเรียงกระดาษตามลำดับ
2. ทักษะการไถ่
3. ทักษะการนับ
4. ทักษะการจำแนกแยกกลุ่ม
5. ทักษะการบอกค่าบอกจำนวน
6. ทักษะคำศรัท์ คนแรก คนสุดท้าย
7. ทักษะพื้นฐานของการบวก ลบ
8. ทักษะทางจิตนาการนำไปสู่การออกแบบ
9. ทักษะภาษา
10.ทักษะการบูรณาการในการใช้ชีวิตประจำวัน

การนำความรู้ไปประยุกต์ใช้
- เชื่อมโยงไปสู่ตัวสัญลักษณ์ที่เป็นนามธรรมที่จะต้องมีการพิสูจน์
- นำไปบูรณาการเสริมสร้างการเรียนรู้
- ใช้วิธีการจับ คู่ 1 ต่อ 1 ในการนับ เมื่อได้คอนเซป ก็จะสามารถนำไปสอนได้ตามคอนเซปที่มี
- ใช้จิตนาการให้เกิดประโยชน์รอบด้านมากยิ่งขึ้น

เทคนิคการสอนของอาจารย์
- การตั้งคำถามในชั่วโมงเพื่อให้หาคำตอบโดยการคิด
- อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในลำดับต่อไปให้เห็นภาพที่ชัดเจน
- ใช้หลัการสอนที่เปลี่ยนแปลงเสมอแต่ยังน่าสนใจ
- สอนคุณธรรมจริยธรรมร่วมทั้งสอนไปในตัว
- มีการเรียนรู้ไปพร้อมๆกับผู้เรียน


ประเมินผล

ประเมินตนเอง : วันนี้ให้คะแนนตัวเองแคพอใช้เพราะมาสาย แต่ให้คะแนนความตั้งใจ ดีมาก เพราะการมาสายทำให้รู้สึกต้องกระตือรือล้นให้มากขึ้น ฟังและตอบคำถามให้ความร่วมมือกับครูและเพื่อนๆ

ประเมินเพื่อน : มากันพร้อมเพียงตรงต่อเวลา ตั้งใจจด ตั้งใจอ่านเขียน  เสียสละเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ช่วยเหลือเพื่อน สร้างบรรยากาศในห้องให้ไม่เคร่งเคลียดเกินไป

ประเมินอาจารย์ : ตรงต่อเวลา เตรียมความพร้อมก่อนสอนเสมอ แต่งกายเรียบร้อยเหมาะสม สุขุมน่าเคารพ อธิบายได้ชัดเจน เข้าใจง่าย สร้างความเกรงใจได้ดีค้ะ







วันเสาร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2559

บันทึกการเรียนครั้งที่ 3

บันทึกการเรียนครั้งที่ 3


วันพุธ ที่ 20 เดือน มกราคม  พ.ศ.2559

บรรยากาศในห้องเรียน
ครูและนักศึกษามากันอย่างพร้อมเพียง ตรงต่อเวลา แต่ก็ยังมีนักศึกษาบางคนที่ยังมาไม่ถึง ครูก็ไม่รอช้าก็ทำการเรียนเลยเมื่อถึงเวลา  ครูได้แจตกกระดาษให้กับนักศึกษาหยิบไปคนล่ะ 1 แผ่น ดูเหมือนรทุกครั้งที่เรียนจะมีอะไรเซอร์ไพร์เสมอ เพรา่ะเราไม่รู้เลยว่าหลังจากแจกกระดาษเสร็จจะเกิดอะไรขึ้น ตื่นเต้นไม่น้อยเลยละค่ะ เมื่อแจกกระดาษครบส่งกระดาษที่เหลือคืนครู แล้วครูก็เริ่มอธิบายต่อไปเกี่ยวกับสิ่งที่จะให้ทำหรือเรียกอีกอย่างว่ากิจกรรม ซึ่งมีการโต้ตอบระหว่างครูผู้สอนและนักศึกษาได้ร่วมสนทนากันตลอดระยะเวลาที่ทำกิจกรรรม

เรื่องที่เรียน
-การแบ่งกระดาษออกเป็น 4 ส่วนเท่าๆกัน แล้วฉักกระดาษโดยใช้มือเราให้เกิดประโยชน์
-ประสบการณืเดิมจากการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ 
-วิธีการใช้คณิตศาสตร์ที่หลากหลาย
-การคิด,การปรับตัว และการแก้ไขปัญหาของตนเองตามสถานการณ์ต่างๆ
-การตระหนักรู้ถึงการเป็นครู
-คำขวัญวันครูนายกรัฐมนตรีได้กล่าวไว้
-การมีเป้าหมายในการใช้ชีวิตประจำวัน
-การออกแบบการวางตัวหนังสือ , จังหวะในการออกแบบและการเขียน
-การปฏิบัติกิจกรรมให้ตรงตามขอบเขตที่ครูกำหนด
-วิธีการนำเสนอหน้าชั้นเรียน
-เด็กปฐมวัยเรียนรู้อะไรในคณิตศาสตร์ , สาระมาตรฐานการเรียนรู้และคุณภาพของเด็กเมื่อจบการเรียนรู้

เนื้อหาสาระทีี่เรียน
      ได้รู้วิธีการแบ่งกระดาษตามแนวต่างๆทั้งแนวตั้งและแนวนอน  ซึ่งต้องแบ่งออกมาให้ได้ 4 ส่วน ส่วนละเท่าๆกัน แล้วต้องสามารถที่จะฉีกกระดาษนั้นได้ด้วยมือเปล่าไม่ใช้เครื่องมือช่วยแสดงถึงความชำนาญฝึกให้เป็นไว้ใช้ในอนาคต หลังจากนั้นก็ให้ออกแบบชื่อตนเอง โดยกระดาษชิ้นที่เอาไว้กับตัวเองจะต้องดีไซต์ให้เหมาะสมกับกระดาษและตัวอักษร เสร็จแล้วนำไปแป๊ะบนกระดานหน้าชั้นเรียนเรียงกัน  แล้วครูผู้สอนก็จะมาชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างการดีไซน์งานออกมาได้ลงตัวและไม่ลงตัวแล้วอธิบายถึงเหตุผลและให้คิดตาม ในการนับกระดาษนั้นถ้าอยากนับใหเง่ายก็ต้องจัดวางกระดาษให้เป็นแถวเป็นแนวเป็นระเบียบก็จะส่งผลไปสู่การอ่านหรือการนับที่เป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น  แล้วยังทำให้เรารู้จักคิดแก้ไขปัญหาได้ง่ายมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

สาระมาตรฐานการเรียนรู้
- จำนวนการดำเนินการ
- การวัด
- เรขาคณิต
- พีชคณิต
- การคิดวิเคราะห์หาข้อมูลและความจำเป็น
- ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์

ทักษะที่ได้รับจากการเรียนวันนี้
1.ทักษะการคิดการแบ่งกระดาษด้วยหลากหลายวิธี ร่วมถึงการแบ่งส่วนให้เท่าๆกัน
2.ทักษะการนำประสบการณ์จากการใช้ชีวิตประจำวันมาใช้ในการเรียนคณิตศาสตร์
3.ทักษการเขียนเพื่อสรุปการเรียนรู้
4.ทักษะการฟังและคิดวิเคราะห์
5.ทักษะการหาเป้าหมายในชีวิตของตนเอง
6.ทักษะการคิดการตอบปัญหาจากคำถามของครู
7.ทักษะการทำกิจกรรมให้ตรงขอบเขตที่ครูกำหนด
8.ทักษะการค้นหาคำตอบด้วยวิธีใหม่ๆ
9.ทักษะการนำเสนอหน้าชั้นเรียนให้มีความน่าสนใจ
10.ทักษะการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบระเบียบ

การนำความรู้ไปประยุกต์ใช้
-กำหนดเป้าหมายในชีวิตของตนเอง
-สามารถนำกิจกรรมไปต่อยอดและพัฒนาได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
-เข้าใจในการเรียนการสอนที่แปลกใหม่ทำให้ไม่น่าเบื่อเป็นตัวอย่างที่ดีที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับเด็กปฐมวัยในอานคต
-ทำกิจกรรมได้อย่างรัดกุมมีขอบเขตตามวิธีการของครู
-เข้าใจถึงธรรมชาติของผู้เรียนและผู้สอนแล้วอยู่ร่วมกันทำให้แก้ปัญหาได้อย่างเข้าใจ
-นำประสบการณืในชีวิตประจำวันมาใช้ในการเรียนคณิตศาสตร์ได้
-ตระหนักรู้ถงการเป็นครูที่ดี มีคุณธรรม จริยธรรมและมีการเตรียมความพร้อมและทำให้ตนเองมีคุณภาพในการเป็นครู เชื่อมั่นในวิชาชีพ
-นำเสนอหน้าชั้นเรียนได้อย่างเข้าใจและสามารถนำไปใช้ในการเรียนการสอนได้

สรุปบทความ วิจัย แลวิดีโอ ของเพื่อนที่นำเสนอวันนี้

บทความ
เรื่อง เด็กปฐมวัยเรียนรู้อะไรในคณิตศาสตร์
        การเรียนรู้คณิตศาสตร์ระดับปฐมวัย มุ่งหวังให้เด็กทุกคนได้เตรียมความพร้อมด้านต่างๆ ทางคณิตศาสตร์ อันเป็นพื้นฐานในการเรียนรู้คณิตศาสตร์ระดับประถมศึกษา โดยกำหนดสาระหลักที่จำเป็นสำหรับเด็ก ได้แก่ จำนวนและการดำเนินการ จำนวนการรวมกลุ่ม และการแยกกลุ่ม การวัด ความยาว น้ำหนัก ปริมาตร เงิน และเวลา เรขาคณิต ตำแหน่ง ทิศทาง ระยะทาง รูปเรขาคณิตสามมิติและรูปเรขาคณิตสองมิติ การจัดประสบการณ์การเรียนรู้คณิตศาสตร์ของเด็ก ต้องคำนึงถึงขั้นตอนการเรียนรู็ของเด็ก ได้แก่ ทบทวนความรู้พื้นฐาน สอนเนื้อหาใหม่ สรุปสาระสำคัญทางคณิตศาสตร์ ฝึกทักษะหรือฝึกปฏิบัติ นำความรู้ไปใช้ วัดและประเมินผลการเรียนรู้ โดยให้เด็กมีส่วนร่วมรู็ ร่วมคิด ร่วมทำ ควรคำนึงถึงความสนใจและความแตกต่างของเด็กแต่ละคน นอกจากนั้น เทคนิคการจูงใจให้เด็กๆ สนุกกับการเรียนคณิตศาสตร์อีกอย่าง คือ ให้เด็กได้เรียนรู้และค้นพบสิ่งท้าทาย ด้วยกิจกรรมและเกมที่ช่วยฝึกทักษะคณิตศาสตร์ให้เด็กได้ร่วมสนุกพร้อมสอดแทรกเนื้อหาความรู้เข้าไป

วิจัย
เรื่อง ทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยที่ได้จากการสาน

โดยมีขั้นตอนดังนี้
1.ทำการประเมินทักษะพื้นฐานคณิตศาสตร์ของเด็กก่อนทำการทดลองจากนั้นนำมาตรวจคะแนนตามเกณฑ์และเก็บคะแนนเป็นหลักฐาน
2.ดำเนินการทดลองในกิจกรรมการสาน 8 สัปดาห์ 4 วัน 32 ครั้ง วันละ 30-50 นาที
3.เมื่อสิ้นสุดการทดลองผู้วิจัยประเมินทักษะพื้นฐานของเด็กหลังการทดลอง

การสังเกตุที่ได้จากการวิจัย
-สัปดาห์แรกเด็กต้องการปรับตัวเพื่อเตรียมความพร้อมจากการทำกิจกรรมสาน แต่เป็นกิจกรรมที่แปลกใหม่ จึงต้องใช้เวลาในการอธิบายวิธีการทำ
-ขณะที่ทำกิจกรรมเด็กมีความสนใจและกระตือรือร้นมาก
-เด็กเรียนรู้สื่อใหม่และอุปกรณ์ที่หลากหลาย
-กิจกรรมการสานทำให้เด็กสามารถเรียนรู้ทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ได้ด้วยตนเอง และมีพัฒนาการด้านอื่นอีกด้วย เช่น ได้ใช้กล้ามเนื้อมือ และตาสัมพันธ์กัน

สรุปผล
1.ทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์โดยรวมหลังทำกิจกรรมสานสูงกว่าก่อนทำกิจกรรม
2.เด็กปฐมวัยมีทักษะพื้นฐานคณิตศาสตร์ก่อนทำการทดลองโดยรวมและรายบ้านพอใช้ แต่หลังจัดกิจกรรมสานเด็กมีทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์โดยรวมและรายด้านทุกด้าน ในระดับดี

วิดีโอ
โทรทัศน์ครู เรื่องสาระความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กิจกรรมคณิจปฐมวัยจากธรรมชาติรอบตัว

มี 6 กิจกรรม

1.กิจกรรมปูมีขา : เป็นกิจกรรมที่ทำให้เด็กณู้ว่าปูมีกี่ขา 8 ขา และก้ามปูอีก 2 ก้าม ซึ่งให้เด็กเปรียบเทียบ เรียนรู้จากการนับนิ้วมือ ให้มือเป็นขาของปู
2.กิจกรรมต้นไม้ใกล้ตัว : พาเด็กไปเรียนที่ใต้ต้นไม้ นอกห้องเรียน ซึ่งจะนำใบไม้ร่วงมาเปรียบเทียบ มานับจำนวน มากกว่าน้อยกว่า โดยที่ครูจะเป็นคนกำหนดโจทย์ให้
3.กิจกรรมใบไม้แสนสวย : เช่น การจัดกิจกรรมจากการร้อยใบไม้ เริ่มจากใบไม้กลม หยัก รี หรือกิจกรรมการพิมพ์ภาพจากใบไม้ให้เท่าจำนวนตัวเลขที่ครูกำหนดให้ หรือกิจกรรมการฉีกปะใบไม้ ลงในตัวเลขที่ครูพิมพ์ไว้ให้ โดยให้เด็กเลือกเองตามใจชอบ
4.กิจกรรมมุมคณิต : การนำสิ่งต่างๆ ในครัวเรือน เช่น พืชผัก ไข่ เมล็ดพืช ซึ่งเป็นสิ่งที่เด็กรู้จักและคุ้นเคย ดดยมีบัตรภาพที่กำหนดตัวเลขไว้ ให้เด็กเลือกสิ่งใดก็ได้ มาวางให้ตรงกับจำนวนในบัตรเลขนั้น
5.กิจกรรมเกมกระต่ายเก็บของ : เป็นการเก็บของโดยการจัดอันดับ 5 สิ่งคือ ก้อนหิน ไม้บล็อก ตะกร้า โดยวิ่งไปเก็บของตามลำดับใส่ตะกร้าให้ครบ ซึ่งทำให้เกิดการเรียนรู้ทางคณิตศาสตร์ได้
6.กิจกรรมเกมก้อนหินหรรษา : เป็นการนำก้อนหิน 2 สี คือ สีขาวกับสีแดง มาเรียงตามจำนวนในบัตรภาพหรือบัตรตัวเลข

ประโยชน์จากการทำกิจกรรม
     ทำให้เด็กเรียนรู้การใช้เงิน  รู้จักเบอร์โทรศัพท์ของผู้ปกครอง ป้ายทะเบียบรถ ตัวเลขต่าง ๆ เป็นต้น ที่สำคัญเด็กมีความสุขในการทำกิจกรรมและการเรียนรู้


เทคนิคการสอนของอาจารย์
- ให้ประเด็นปัญหามา แล้วให้นักศึกษาได้พูดคุยและคิดแก้ไขปัญหานั้นๆในชั้นเรียน
- มีการโยนคำถามปลายเปิดให้ผู้เรียนได้คิดวิเคราะห์แล้วตอบคำถาม
- มีการเตรียมรูแบบการเรียนมาอย่างเป็นขั้นๆ
-สอดแทรกคุณธรรม จริยธรรม ที่ดีตลอดระยะเวลาของการเรียน

การประเมินผล
ประเมินตนเ้อง : ตรงต่อเวลามีความพร้อมระดับพอใช้  มัความตั้งใจในการเรียน ให้ความร่วมมือทุกๆกิจกรรมการเรียนกดารสอน แก้ไขปัญหาได้ไม่มากก็น้อย

ประเมินเพื่อน : ตรงต่อเวลา ให้ความสนใจต่อผู้สอน โต้ตอบครูให้ความร่วมมือทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนเป็นอย่างดี เอื้อเฟื้อเผื่อแพร่ซึ่งกันและกัน  

ประเมินอาจารย์ : มีความพร้อมในการสอน ตรงต่อเวลา มีการสอนตามลำดับขั้นเป็นระบบระเบียบ อธิบายเนื้อหาได้ชัดเจนเข้าใจง่าย ให้โอกาศในการตอบคำถามของผู้เรียน ชี้แนะแนวทางที่ดีให้เสมอ ทั้งยังทรอดแทรกคุณธรรม จริยธรรมอีกด้วย

วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2559

งานวิจัย

บันทึกสรุปงานวิจัย

"การพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตรสําหรับเด็กปฐมวัย โดยใชรปูแบบกิจกรรมศิลปะสรางสรรคเพื่อการเรียนรู"
วิชา :  การศึกษาปฐมวัยกับคณิตศาสตร์
ผู้สร้าง: คมขวัญ  ออนบึงพราว
ผู้ช่วย : ดร.พัฒนา  ชัชพงศ  และรองศาสตราจารย ดร.สิริมา  ภิญโญอนันตพงษ์
สำนักพิมพ์ : มหาวิทยาลัยศรีนครนิทรวิโรฒ

         ในการวิจัยครั้งนี้เปนการวิจยัเชิงทดลองทมีุ่งศึกษาการพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณติศาสตร ของเด็กปฐมวยัโดยใชรูปแบบกิจกรรมศิลปะสรางสรรคเพื่อการเรียนรู   เพื่อเปนแนวทางใหครแูละ ผูเกี่ยวของกับการจัดการศกึษาปฐมวัยไดประโยชน  ในการพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร ใหแกเด็กอยางมีประสิทธิภาพ  ดวยการจัดกิจกรรมที่สอดคลองกับพัฒนาการของเด็กตอไป

ความมุงหมายของการวิจัย
        เพื่อเปรียบเทยีบทักษะพื้นฐานทางคณติศาสตรของเด็กปฐมวยักอนและหลังไดรบั การจัดกิจกรรมศิลปะสรางสรรคเพื่อการเรยีนรู

สมมติฐานในการวิจัย 
       เด็กปฐมวยัทไี่ดรับการจัดรูปแบบกิจกรรมศลิปะสรางสรรคเพื่อการเรยีนรูมีพัฒนาทักษะ พื้นฐานทางคณิตศาสตรกอนและหลังการทดลองแตกตางกัน

กลุมตัวอยางที่ใชในการศึกษาคนควาครั้งนี้ 
เปนนักเรียนระดับปฐมวัย ชาย – หญิง อายุระหวาง 5 – 6 ป  ซึ่งกําลังศึกษาอยูในระดับชั้นอนุบาลปที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปการศึกษา  2549 โรงเรียนสาธติอนุบาลละอออุทิศ  กรุงเทพมหานคร  สังกัดมหาวิทยาลัยราชภฏัสวนดุสติ    โดยการ จับฉลากมา 1 หองเรียนจาก 10 หอง  และใชการประเมินทักษะพื้นฐานทางคณติศาสตรทผีู่วิจัย สรางขึ้น  โดยเลือกนักเรียนที่มีคะแนนทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตรใน 15   อันดับสุดทายเปนกลุม ทดลอง  

เครื่องมือที่ใชในการวิจัย 
1. แผนการจัดกิจกรรมศลิปะสรางสรรคเพื่อการเรียนรู
2. แบบทดสอบทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตรของเด็กปฐมวัยที่ผู้วิิจัยสรางขึ้นมีคาความ เชื่อมั่นทั้งฉบับ  0.86

            การศึกษาค้นควาครั้งนี้เปนการศึกษาผลของกิจกรรมศิลปะสรางสรรคเพื่อการเรยีนรูที่มีตอ การพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตรของเด็กปฐมวยั  นักเรียนชนั้อนุบาลปที่ 3 โรงเรียนสาธิต อนุบาลละอออุทิศ  กรุงเทพมหานคร  สังกัดมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต  ซึ่งจากการศึกษาคนคว้าปรากฏผล
โดยใชขั้นตอนการเรียนรูตามรูปแบบ 4 ขั้นตอน  ทมี่ีผลตอทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตรดังนี้  คือ

1. การกระตุนการเรียนรู  หมายถึง  การใหสิ่งเรากระตุ้นการเรียนรูที่สอดคลองกับ สาระที่ตองการใหนักเรียนอยางใดอยางหนึ่งกระตุนด้วยสื่อของจริง  รูปภาพ  เกม  นิทาน หรือสถานการณเพื่อใหนักเรียนไดแสดง ความคิดเห็นอยางอิสระและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นดวยการสนทนา  ซึ่งทําใหเกิดการเรยีนรูใน ลําดับตอไป

2. กรองสูมโนทัศน  เปนขั้นกระตุนใหเด็กสะทอนคิดดวยการโยงขอความรูที่เด็กเคย เรียนมากับสิ่งที่เรียนรูใหมซงึ่สอดคลองกับ  พวงรตัน  พุมคชา  กลาววาเดก็สามารถเรียนรูความคิดรวบยอดทางคณิตศาสตรจากกิจกรรมตาง ๆ ใน ชีวติประจําวัน  และความคิดรวบยอดทางคณิตศาสตรนั้นสามารถสอดแทรกหรือบูรณาการเขากับ วิชาอื่น ๆ การเรียนเกี่ยวกบัตัวเลข  รูปทรง  ขนาด  ลําดับ  การจัดหมู  และความสัมพันธตาง ๆ ถือ วาเปนประสบการณของเด็กที่ชวยสอนเด็กตามธรรมชาติ  สอดคลองกับ จิตทนาวรรณ  เดือนฉาย ที่เนนการสัมผัสจริงโดยการใชประสาทสัมผัสทงั้ 5  โดยตรงกับ ธรรมชาติและสิ่งแวดลอมทหี่ลากหลาย  เปนตวักระตนุใหเด็กคิดหาคําตอบไดเปนอยางด

3. การพัฒนาดวยกิจกรรมศิลปะ  หมายถึง  เปนขั้นของการนําศิลปะมาพัฒนาการ เรียนรูใหชัดเจนขึ้น  โดยครูมอบหมายใหเด็กถายโยงความรู  ความเขาใจหรือสาระที่เรียนรูดวยการ ทํากิจกรรมศลิปะสรางสรรค ตามรูปแบบศลิปะที่สอดคลองกับจุดประสงคการเรียน  เด็กสามารถ ถายทอดความรูความเขาใจ  และความคิดจินตนาการที่ตนเองรูสกึมาเปนงานศลิปะโดยการทํางาน ศิลปะในรูปแบบศลิปะสรางสรรคเพื่อการเรียนรูทั้ง  3  รูปแบบคือ   ศลิปะเปลี่ยนแบบ  ศลิปะบูรณา การและศลิปะคนหา

4. สรุปสาระสําคัญที่เรียนรู  เปนขั้นสดุทายของกิจกรรมศิลปะสรางสรรคเพื่อการ เรียนรู  เปนการสรุปความรูอาจใชการถามใหเด็กทบทวนความรูความเขาใจ  สาระที่เรียนรูจากงาน ศิลปะที่ทําโดยเด็กกับครูสรุปสิ่งที่เรียนรูรวมกัน

สรุปผล

   1. เด็กปฐมวยัที่ไดรับการจัดกิจกรรมศิลปะสรางสรรคมีคะแนนเฉลี่ย   ทักษะพื้นฐานทาง คณิตศาสตร  โดยรวม 5 ทักษะและจําแนกรายทักษะ คือ ทักษะการบอกตาํแหนง  ทักษะการ จําแนก   ทักษะการนับ  1 – 30   ทักษะการรูคารูจํานวน   และทักษะการเพิ่ม – ลด  ภายในจํานวน 1 – 10 อยูในระดับดี  แตกตางจากกอนทดลองอยางมีนัยสําคัญทางสถิติทรี่ะดับ  .01  และมีคาเฉลี่ย สูงขึ้น

   2. เด็กปฐมวยัที่ไดรับการจัดกิจกรรมศิลปะสรางสรรค      มีพัฒนาการทักษะพื้นฐานทาง คณิตศาสตรในทุกทักษะสูงขึ้นกวากอนการทดลองอยางมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดบั  .01





วีดีทัศน์

คณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย

บรรยายโดย

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อัญชลี  ไสยวรรณ
 การจัดการเรียนรู้ทางคณิตศาสตร์สำหรับเด็กควรเน้นการให้เด็กได้มีโอกาสจัดกระทำ กับวัตถุประสงค์ต่าง ๆ เพราะเด็กในวัยนี้เรียนรู้โดยอาศัยประสาทสัมผัสรับรู้และการเคลื่อนไหว เพื่อส่งเสริมพัฒนาการทางด้านสติปัญญา การจัดการเรียนรู้เน้นให้เด็กได้พัฒนาประสาทสัมผัสให้มากที่สุด และกระตุ้นให้เด็กได้คิดและมีโอกาสจัดกระทำ หรือลงมือปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งเปิดโอกาสให้เด็กได้สัมผัสแตะต้อง ได้เห็นสิ่งต่าง ๆ หรือเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ โดยผ่านประสาทสัมผัสแตะต้อง ได้เห็นสิ่งใหม่ ๆ ซึ่งวิธีการดังกล่าวจะช่วยให้เด็กเกิดการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ รอบตัว
        การจัดการเรียนรู้ทางคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยหมายถึง การจัดสภาพการณ์ในชีวิตประจำวันของเด็กเป็นฐานการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ซึ่งครูต้องวางแผนการจัดการเรียนรู้เป็นอย่างดี ประกอบด้วยกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้เด็กค้นคว้า แก้ปัญหา พัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์และความคิดรวบยอด ที่เหมาะสมกับระดับพัฒนาการ เด็กแต่ละวัยจะมีความสามารถเฉพาะ เรียนรู้ด้วยการปฏิบัติจริง บรรยากาศการเรียนต้องไม่เคร่งเครียดเด็กรู้สึกสบายๆในขณะเรียน เห็นความสัมพันธ์ของคณิตศาสตร์ในธรรมชาติ บ้าน โรงเรียน กิจกรรมสอดคล้องกับชีวิตประจำวันและเชื่อมโยงกับประสบการณ์เดิมจะช่วยพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์และความคิดรวบยอดได้ดีขึ้น
ทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ ประกอบด้วยความสามารถต่างๆดังนี้
  1. การจำแนกประเภท
  2. การจัดหมวดหมู่
  3. การเรียงลำดับ
  4. การเปรียบเทียบ
  5. รูปร่างรูปทรง
  6. พื้นที่
  7. การชั่งตวงวัด
  8. การนับ
  9. การรู้จักตัวเลข
  10. รู้จักความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนกับตัวเลข
  11. เวลา
  12. การเพิ่มและลดจำนวน
        จำนวนและตัวเลข เด็กปฐมวัยหากได้เรียนรู้จากการปฏิบัติโดยการใช้สื่อของจริงจะส่งผลให้มีทักษะการรับรู้เชิงจำนวนเนื่องจากธรรมชาติได้สร้างให้สมองของเด็กมีบริเวณที่เกี่ยวข้อง กับการรับรู้เชิงจำนวน ส่วนของสมองอย่างน้อย 3 บริเวณที่เกี่ยวข้องกับทักษะการรับรู้เชิงจำนวน สองส่วนแรกอยู่ที่สมองทั้งซีกซ้ายและขวาเกี่ยวข้องกับสัญลักษณ์ตัวเลข และบริเวณที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการเปรียบเทียบจำนวน และบริเวณสุดท้ายอยู่ที่สมองซีกซ้ายคือ ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการนับปากเปล่าและความจำเกี่ยวกับจำนวน การคำนวณ โดยสมองทั้ง 3 ส่วนจะทำงานร่วมกัน พัฒนาการด้านการรับรู้เชิงจำนวนและคณิตศาสตร์เริ่มตั้งแต่ปฐมวัยและพัฒนาเรื่อยไปจนถึงวัยผู้ใหญ่
ประสบการณ์การเรียนรู้  3  รูปแบบ คือ
1. ประสบการณ์การเรียนรู้ตามธรรมชาติ  (Naturalistic Experiences)
2. ประสบการณ์จากการเรียนรู้แบบไม่เป็นทางการ  (Informal Learning Experiences)
3. ประสบการณ์จากการเรียนรู้แบบมี  สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ขอบข่ายของเนื้อหาทางคณิตศาสตร์ที่เด็กปฐมวัยโครงสร้าง (Structure Learning Experiences)  สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์เป็น ควรได้เรียนรู้และมีความสัมพันธ์กับหลักสูตร

บทความ

บันทึกบทความการจัดประสบการณ์คณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย


หมวดหมู่ : กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และปฐมวัย
บทความนี้เผยแพร่ วัน อาทิตย์ ที่ 22 เดือน พฤษภาคม พ.ศ.2554

         เราควรจะรู้ว่าทักษะทางคณิตศาสตร์นั้นหมายถึง เรื่องอะไรบ้าง   เริ่มได้เมื่อไหร่ดี .... การเรียนรู้ทักษะทางคณิตศาสตร์ของเด็กแต่ละวัยย่อมแตกต่างกันไปเราสามารถส่งเสริมเนื้อหาทางคณิตศาสตร์ได้ทุกด้านแต่ต่างกันตรงวิธีการค่ะ จะเริ่มเข้าใจสิ่งที่เป็นนามธรรมหรือสัญลักษณ์ต่างๆ ได้แล้ว เรียนรู้ได้จากสิ่งใกล้ตัว

สรุป
           คณิตศาสตร์มีอยู่ทุกหนทุกแห่งรอบตัวเรา ในแต่ละวันเด็ก ๆ มีโอกาสที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับ ตัวเลข จำนวน รูปทรงเรขาคณิต การจับคู่ การแยกประเภท ฯลฯ เช่น 
- การตื่นนอน (เรื่องของเวลา)
- การแต่งกาย (การจับคู่เสื่อผ้า) 
- การรับประทานอาหาร (การคาดคะเนปริมาณ) 
- การเดินทาง(เวลา ตัว เลขที่สัญญาณไฟ ทิศทาง) 
- การซื้อของ (เงิน การนับ การคำนวณ) ฯลฯ 
             เชื่อหรือยังคะว่าคณิตศาสตร์มี อยู่จริงในชีวิตประจำวัน   กิจกรรมใด ๆ ที่เปิดโอกาสให้มีการวางแผน การจัดแบ่งหมวดหมู่ จับคู่ เปรียบเทียบ หรือ   เรียงลำดับ ล้วนมีคุณค่าทั้งสิ้น   การจัดประสบการณ์คณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย หมายถึง การจัด กิจกรรมต่างๆที่เปิดโอกาส ให้ได้เด็กได้กระทำด้วยตนเอง ผ่านการเล่น การได้สัมผัส ได้กระทำ จากการมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนและ   ผู้ใหญ่ เรียนรู้จากรูปธรรมไปสู่นามธรรม เรียนรู้จากสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวไปสู่สิ่งที่อยู่ไกลตัวการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ตามหลักสูตร  การจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ตามหลักสูตร ควรเน้นให้เด็กเกิดความคิดรวบยอด และทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ 4 ด้าน ดังนี้

1.การสังเกตการจำแนกและการเปรียบเทียบ
    1.1 การจำแนกความเหมือนความแตกต่าง
    1.2 การจัดหมวดหมู่
    1.3 การเรียงลำดับสิ่งต่างๆ

2.ทางด้านตัวเลข และจำนวน
    2.1 การนับจำนวน
    2.2 การรู้ค่าของจำนวน
    2.3 การดำเนินการเกี่ยวกับจำนวน

3.ทางด้านมิติสัมพันธ์
    3.1 เข้าใจตำแหน่ง
    3.2 เข้าใจระยะ
    3.3 การเข้าใจทิศทาง
    3.4 การต่อชิ้นส่วนภาพ

4.ทักษะทางด้านเวลา
    4.1 การเปรียบเทียบในเรื่องเวลา
    4.2 การเรียงลำดับเหตุการณ์
    4.3 ฤดูกาล

วันเสาร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2559

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 2

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 2

วันที่ 13 เดือน มกราคม พ.ศ.2559 

บรรยากาศในห้องเรียน
-เช็คชือเข้าเรียน
-สอนการใช้เหตุผล
-สอดแทรกคุณธรรมจริยธรรม
-รู้จักค้นคว้าแล้วนำมาพัฒนาตัวเอง

เนื้อหาสาระที่เรียน
       ครูแจกกระดาษให้นักศึกษา ให้หยิบคนละ 1 แผ่น ซึ่งให้เลือกกระดาษที่มีหน้าเดียวที่ใช้งานได้ ห้ามหยิบกระดาษที่มีสองหน้ากระดาษที่ใช้แล้ว  เสร็จแล้วให้วางกระดาษตามแนวนอน เมื่อแจกครบทุกคนแล้วครูให้ส่งกระดาษคืน  หลังจากนั้นครูได้อธิบายขยายความถึงสิ่งได้ให้นักศึกษาทำ แล้วเกี่ยวอะไรกับวิชานี้ การที่กระดาษนั้นมีจำนวนมากกว่าคนในห้องเรียนจึงเหลืกระดาษส่วนที่เหลือส่งคืนครู ซึ่งกิจกรรมนี้มี การคิด เพราะมันมีโจทย์ปัญหา เรื่องของจำนวน และการคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล เหตุก็คือกระดาษเหลือ  ผลคือเพราะจำนวนคนน้อยกว่ากระดาษที่แจก มีที่มาที่ไป  มีเรื่องของการจำแนกมีเกณฑ์การวัด คือ เมื่อเอากระดาษไปแล้วกระดาษเหลือจะนำการลบมาใช้ การแจกกระดาษแบบหยิบแผ่นเดียวหน้าเดียว เรียกว่า การจับคู่แบบ 1 ต่อ 1 เป็นการเปรียบทียบแล้วนำมาคำนวน  เห็นไหมหล่ะว่าคณิตศาสตร์มีอยู่เยอะแยะรอบตัวเรา ครูแบ่งออกหลายประเด็นเพื่อให้เห็นว่าคณิตศาสตร์นั้นมีอยู่ในชีวิตประจำวัน

เพื่อนยกตัวอย่าง
- การทำอาหารโดยจะต้องมีการตวงปริมาณ
- อัตราการเสียภาษี
- ค่าสิ่งของที่ใช้อยู่ทุกวัน
- เวลา  
- น้ำหนัก  ส่วนสูง  
- วันเดือนปี
- รายรับรายจ่าย
- การสร้างบ้านที่มีสัดส่วน

เรียนอะไร
ภาษา  +  คณิตศาสตร์  =  เครื่องมือ

- เมื่อเด็กได้ภาษา เด็กก็จะสามารถรู้จักสืบค้น นำไปสู้การสร้างโมเดล
- เราใช้คณิตศาสตร์เป็นเครื่องมือ เหมือนกับภาษา ที่อยู่รอบตัวเราในชีวิตประจำวัน และประสบการณ์ที่ผ่านมา

ทักษะที่ได้
- ความรู้คณิตศาสตร์รอบตัวเรา
- การคิดแก้ไขปัญหา
- การคิดแบบเป็นเหตุเป็นผล
- การแบ่งกระดาษ แบบ 1 ต่อ 1

สรุป 
ที่แจกกระดาษไปสรุปได้ว่า
1.คณิตศาสตร์ คือ สิ่งที่อยู่ในชีวิตประจำวัน
2.คณิตศาสตร์และภาษาเป็นเครื่องมือ เช่น คณิตศาสตร์ส่งผลกระทบกับเรา ก็แสดงให้เห็นว่าคณิตศาสตร์สำคัญ
      2.1 มีความสำคัญในส่วนของตัวเอง
      2.2 มีความสำคัญในส่วนของประเทศ

- ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและการแก้ปัญหา
- ทุกวิชาจะมีการสอดแทรกคณิตศาสตร์ สุดท้ายที่กระดาษเหลือแสดงว่ากระดาษมีจำนวนมากกว่า ถ้าคนได้กระดาษไม่คบแสดงว่าจำนวนของกระดาษน้อยกว่า ซึ่งเรื่องจำนวนมากกว่าน้อยกว่านี้จะเป็นพื้นฐานของการลบ ซึ่งตัวเด็กจะมีพื้นฐานนำไปสู่การคำนวน
- คณิตศาสตร์ในความคิดของเราคืออะไร คือ การคำนวนในชีวิตประจำวันที่มีองค์ประกอบ เช่น นาฬิกาเป็นต้น
รูปทรงเลขาคณิต
 1 มิติ คือการวัดรูปในกระดาษ
 2 มิติ คือมีความกว้างยาว
 3 มิติ คือความกว้างสูงลึก

การนำมาประยุกตใช้
 - การคำนวนเวลาเราซื้อสิ่งของ ของกินของใช้ต่างๆ
 - การทำรายรับรายจ่ายในชีวิตประจำวัน
 - การวางแผนต่างๆ ต้องมีการคิดการคำนวน
 - การนำเอาหลักบวกลบ พื้นฐานมาใช้บ่อยๆจะทำให้นำไปสู่การคิดอย่างป็นระบบอีกด้วย

เทคนิคการสอนของอาจารย์
 - มีการเตรียมอุปกรณ์ที่หาได้ทั่วไปอย่างเช่นกระดาษเหลือใช้มาทำการเียนการสอนให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด
 - มีีการเตรียมความพร้อมในการสอนเป็นไปตามแผนที่ครูวางไว้ 
 - สามารถอธิบายขยายความได้กระจ่างแจ้งในการที่ทำกิจกรรมนั้นๆ
 - การให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการตอบคำถาม
 - สอดแทรกคุณธรรม จริยธรรมในการเรียนการสอน
 - นักศึกษาและครูช่วยกันสรุปจบเพื่อให้เข้าใจในเนื้อหาที่สอน

การประเมินผล

ประเมินตนเอง 
   มีความตรงต่อเวลา ตั้งใจในการเรียนเป็นอย่างดี จดบันทึกในส่วนที่ครูอธิบายให้ฟัง ตอบคำถามให้ความร่วมมือในการเรียนการสอน มีความเข้าใจในเนื้อห่ที่สอน 

ประเมินเพื่อน
  มีความตั้งใจในการเรียนเป็นอย่างดี รับฟังและจดตาม มีการสนทนาโต้ตอบกับ ร่วมมือกันช่วยเหลือเกื้อกูลกัน สร้างบรรยากาสที่ไม่หน้าเบื่อในบางครั้ง  

ประเมินอาจารย์
    มีความพร้อมก่อนเข้าเรียน ตรงต่อเวลา เนื้อหาน่าสนใจ มีการอธิบายขยายความอย่างเป็นเหตุเป็นผลและทำให้นักศึกษาเข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น  สามารถควบคุมชั้นเรียนได้ดีค่ะ




วันพฤหัสบดีที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2559

บันทึกการเรียนการสอนครั้งที่ 1

บันทึกการเรียนการสอนครั้งที่ 1

วัน พุธ ที่ 7 มกราคม พ.ศ.2559 เวลา 8.30-12.30 น.

บรรยากาศในการเรียนการสอน
     - ภาพบรรยากาศในวันนี้ดูไม่ตรึงเครียดมากนัก เป็นการทำความรู้จักกันสารสัมพันธ์ซึ่งกันและกันก่อนจะเข้าเรียนอย่างเต็มที่ในสัปดาห์ถัดไป เป็นการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่เนื้อหาค่ะ

ความรู้ที่ได้รับ
    - ได้รู้จักการสร้างบล็อคที่มีองค์ประกอบอย่างครบถ้วนและทำอย่างไรให้บล็อคหรือแฟ้มสะสมผลงานเรานั้นมีคุณภาพเพื่อพัฒนาของตนเองให้ดีขึ้นและ ใช้ทั้งความคดสร้างสรรค์ในการเลือกหาเทมเพจหรือการจัดองค์ประกอบให้สามารถเข้าถึงและเข้าใจง่ายแก่ผู้เข้ามาเยี่ยมชมบล็อคของเรา

เรียนอะไร
   - เรียนเรื่องการแก้ไขปัญหา
   -  การใช้ทักษะต่างๆ
   - ใช้ความคิดพิจารณาอย่างรอบคอบ
   - รอบรู้เท่าทันเด็กโดยเริ่มจากตัวครูผู้สอนก่อน

ทักษะที่ได้
   - แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดียิ่งขึ้น
   - เข้าใจจุดเด่นจุดด้อย สามารถดำเนินงานต่างๆได้อย่างเข้าใจมากยิ่งขึ้น
   - การคิดให้เร็ว จะใช้เวลาไม่มากก็สามารถแก้ปัญหาได้ทันการณ์ต่างๆ
   - กระบวนการคิดเป็นไปตามขั้นตอน

การนำไปประยุกต์ใช้
   - ในชีวิตประจำวันของเรานั้นก็มีเรื่องคณิตศาสตร์สอดแทรกเข้ามาอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นการจับจ่ายใช้สอยต่างๆ เราก็ต้องคิดก่อนตัดสินใจซื้อสิ่งนั้นๆอยู่แล้ว รวมไปถึงการที่จะนำความรู้ทางคณิตศาสตร์ที่ไม่อยากจนเกินไปมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันของเด็กได้ เช่นรูปทรงเลขาคณิต ต่างๆมีให้เห็นอยู่โดยทั่วไปไม่ว่าจะเป็นแก้วใส่น้ำกล่องใส่ของลูกฟุตบอลสิ่งที่อยู่รอบตัวเราสามารถสอนเขาได้หมดเลย รวมถึงการให้เค้าได้คิดแก้ไขปัญหาโดยจัดกิจกรรมบล็อคเพื่อเสริมสร้างกระบวนการคิดของเด็กให้มีประสิทธิภาพให้มากขึ้นด้วย

เทคนิคการสอนของอาจารย์
   - มีการวางแผนและเตรียมความพร้อมในเนื้อหามาอย่างดี
   - มีเกมส์ทดสอบก่อนเรียนสนุกๆ
   - มีการจัดสรรงานต่างๆอย่างรอบครอบ
   - เข้าถึงตัวผู้เรียนได้อย่างดี
   - มีวิธีการสอนที่มีความน่าสนใจทำให้ไม่หลับ

การประเมิณ
ประเมิณตนเอง : ในคาบแรกในการเรียนในวันนี้ถือว่าตนเองตั้งใจเรียนดี มีการจดบรรทึกฟังข้อคิดเห็นต่างๆของเพื่อนๆและอาจารย์ และทำความเข้าใจในเนื้อหาสาระที่จะต้องเรียน วันนี้ให้คะแนนตนเองอยู่ที่ 90 % ค่ะ

ประเมิณเพื่อน : เพื่อนๆมีความตั้งใจเข้าเรียนตรงต่อเวลา ให้ความร่วมมือและสนทนากับอาจารย์ถึงการเรียนการสอนในครั้งต่อๆไปเป็นอย่างไร และให้ความสำคัญกับอาจารย์ผู้สอนเป็นอย่างดีค่ะ ให้คะแนนเพื่อนอยู่ที่ 95% ค่ะ

ประเมิณอาจารย์ : มีการเตรียมความพร้อมมาอย่างดี มีความตรงต่อเวลา บุคลิกภาพดีแต่งกายเหมาะสม เข้าถึงผู้สอนได้ดีมีความเป็นกันเองเล็กน้อย รับฟังปัญหาหรือคำถามต่างๆได้ดีแล้วสามารถตอบคำถามได้อย่างกระจ่าง  ไม่ทำให้บรรยากาศหน้าเบื่อจนเกินไปค่ะ ให้คะแนนที่ 95% ค่ะ